1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(16 — 22 ธ.ค. 2552) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,145.87 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 623.95 ตัน สัตว์น้ำจืด 521.92 ตัน ประกอบด้วย สัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 2.42 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 4.13 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 114.80 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 17.86 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 80.20 ตันการตลาด
วมระหว่างประเทศปลงรูปแบบการทำประมงนอกน่านน้ำที่เคยมีสัดส่วนสูงสุด ซึ่งเป็นผลมาจากข้อกำหนดซับซ้อนมากขึ้น ส่วน
รัฐบาลชี้เกาหลีเลิกเข้มงวดกุ้งไทย
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า หน่วยงานด้านอาหาร National Fisheries Products Quality Inspection Service (NFPQIS) ของเกาหลีใต้ ได้ออกประกาศใช้มาตรการตรวจสินค้าอาหารทะเลนำเข้าจาก 8 ประเทศได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน เกาหลีเหนือ ซาอุดิอาระเบีย และเวียดนาม เป็นระยะเวลา 6 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-มิ.ย.) ซึ่งไม่มีรายชื่อประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ขณะที่สินค้ากุ้งแช่แข็งจากเวียดนามและจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งของไทยยังคงถูกตรวจสอบเข้มอยู่ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการส่งออกสินค้ากุ้งของไทยไปตลาดเกาหลีใต้ ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2552 หน่วยงานเกาหลีใต้ โดยหน่วยงาน NFPQIS ของเกาหลีใต้ได้ตรวจพบสารปฏิชีวนะตกค้างในสินค้าประมงที่นำเข้าจากต่างประเทศ จึงได้ออกมาตรการตรวจสอบสินค้าจากประเทศ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาะซีเซลล์ และไทย โดยวิธีสุ่มตรวจ สำหรับกุ้งแช่เย็น สุ่มตรวจ 20% และกุ้งแช่แข็ง 50% ของปริมาณที่นำเข้าเป็นเวลา 6 เดือน(ตั้งแต่ 1 ก.ค.- 31 ธ.ค. 2552)จากมาตรการข้างต้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออกกุ้งแช่เย็นของไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากสินค้ากุ้งแช่เย็น จะถูกกักเพื่อตรวจสอบ ทำให้คุณภาพสินค้าลดลงและบางส่วนไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้ ประกอบกับค่าเงินของเกาหลีใต้ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนสินค้ากุ้งแช่เย็นจากไทยมีราคาสูง เมื่อเทียบกับราคาสินค้ากุ้งแช่เย็นที่นำเข้าจากประเทศที่ถูกกักเพื่อตรวจสอบ ทำให้การส่งออกกุ้งแช่เย็นของไทยไปตลาดนี้ลดลงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่การดำเนินการตรวจสอบ ไม่พบสารตกค้างในสินค้ากุ้งจากไทย แต่ยังตรวจพบสารตกค้างในสินค้าเกษตรจากบางประเทศ ทำให้ไทยสามารถส่งออกกุ้งได้ง่ายและเป็นต่อด้านคุณภาพกว่าคู่แข่งในตลาดเกาหลีใต้ได้มากขึ้น
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.71 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 42.52 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.19 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคาจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.31 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.73 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯเฉลี่ยกิโลกรัมละ 112.86 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ110 00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.86 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 106.37 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 104.81 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.56 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 108.33 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 109.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.67 บาท
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.32 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 55.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.39 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 75.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 114.29 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 111.43 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.86 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.47 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.34 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.13 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 9 - 15 ม.ค. 2553) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.93 สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 30.90 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.03 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 11 - 17 มกราคม 2553--