ในช่วงไตรมาสที่ 1 ภาวะอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์มีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังประสบกับวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ส่งผลให้มีความต้องการเคมีภัณฑ์ในการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยสำคัญที่ควรจับตามอง ได้แก่ การแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลให้การส่งออกได้น้อยลง ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบกับอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้เคมีภัณฑ์เป็นวัตถุดิบในการผลิต
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้สำรวจข้อมูลการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซดาไฟซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ขั้นพื้นฐานที่สำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้
การผลิต
โซดาไฟ
การผลิตโซดาไฟในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 มีปริมาณ 198,751.4 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 5.51 และการจำหน่ายโซดาไฟในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 มีปริมาณ 188,689 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 18.65
หมายเหตุ : โซดาไฟเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และยังใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย เช่น ในการผลิตเยื่อและกระดาษ สบู่และผลิตภัณฑ์ซักฟอก เคมีภัณฑ์ การทำความสะอาด โรงกลั่นน้ำมัน การใช้งานทางอุตสาหกรรมโลหะอุตสาหกรรมอาหาร เส้นใยเรยอน สิ่งทอ และอื่น ๆ
การตลาด
การนำเข้า
ไตรมาส 1 ปี 2555 การนำเข้าเคมีภัณฑ์อนินทรีย์มีมูลค่า 11,503 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24.83 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อินทรีย์มีมูลค่าส่งออก 30,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.17 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมีมีมูลค่านำเข้า 18,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.83 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่ลดลงร้อยละ 3.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสีมีการนำเข้า 10,589 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.80 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่ลดลงร้อยละ 0.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีมูลค่านำเข้า 8,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.50 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออก
ไตรมาส 1 ปี 2555 การส่งออกเคมีภัณฑ์อนินทรีย์มีมูลค่า 4,626 ล้านบาท ลดลงร้อยละ14.06 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลดลงร้อยละ 5.53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อินทรีย์มีมูลค่าส่งออก 19,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.92 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมีมีมูลค่าการส่งออก 840 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 38.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสีมีมูลค่าส่งออก 3,845 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.74 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางหรือสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกายมีมูลค่าส่งออก 15,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.34 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ18.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้ม
อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในไตรมาสถัดไป คาดว่าจะมีการปรับตัวในทิศทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าอุปโภค บริโภคที่ใช้ในการฟื้นฟูหลังจากผ่านพ้นวิกฤตปัญญาน้ำท่วมหนักที่ลุกลามไปหลายพื้นที่ของประเทศในปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญที่ควรจับตามอง ได้แก่ การปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำของประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบาง ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของยุโรป และภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--