สศอ.แนะภาคอุตฯ ใช้เครื่องมือประกันความเสี่ยงช่วยลดปัญหาค่าเงินบาทที่ผันผวน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 19, 2013 14:54 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เตือนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยควรให้ความสำคัญกับการแข่งขันและเน้นการพัฒนากลยุทธ์ของธุรกิจหลักของตนเอง ไม่ใช่การทำรายได้จากการเก็งอัตราแลกเปลี่ยน เพราะวันนี้พบว่าผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะ SMEs มีอัตราการใช้เครื่องมือประกันความเสี่ยงกับสถาบันทางการเงินต่างๆ ในอัตราที่ต่ำมาก

ดร.สมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ค่าเงินบาทมีความผันผวนอย่างรุนแรง อันเป็นจากสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่การใช้มาตรการทางการเงินของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น รวมไปถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรป และนโยบายทางการเงินในประเทศไทยเอง โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากต้นปีกว่าร้อยละ 6.1 ในช่วงเดือนเมษายน (30.76 บาท/เหรียญสหรัฐ) และกลับลงมาอ่อนค่าอีกร้อยละ 6.9 ในต้นเดือนพฤษภาคม (30.76 บาท/เหรียญสหรัฐ) ความผันผวนของเงินบาทนี้ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงที่สูงและอันตรายอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการที่ทำการส่งออกและนำเข้าสินค้า วัตถุดิบจากต่างประเทศเพราะทำให้ยากต่อการวางแผนการตลาดและการผลิต ซึ่งผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ควรหันให้ความสนใจเครื่องมือประกันความเสี่ยงของค่าเงินมากขึ้น

ดร.สมชาย หาญหิรัญ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลจากค่าเงินบาทแข็งเมื่อต้นปี เช่น เหล็ก เคมีภัณฑ์ อัญมณี สิ่งทอ ฯลฯ ที่สามารถประหยัดต้นทุนนำเข้าให้ถูกลงในรูปเงินบาท รวมทั้งผู้ประกอบการที่หันมาปรับปรุงเครื่องจักรการผลิตโดยนำเข้าจากต่างประเทศ เริ่มประสบปัญหาจากค่าเงินบาทอ่อนในช่วงเดือนพฤษภาคม ในขณะที่อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อต้นปี เริ่มจะได้รับอนิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อน เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เสื้อผ้า อุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการเกษตรทั้งหลาย แต่อย่างไรก็ตามความได้เปรียบหรือเสียเปรียบอันเกิดจากความผันผวนของค่าเงินนี้จะแปรเปลี่ยนไปไม่ยั่งยืน ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี หน่วยงานต่างๆของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งให้ความรู้ผู้ประกอบการ SMEs ด้านการใช้เครื่องมือประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในการอบรมหลักสูตรต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งประกันความเสี่ยงค่าเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ