ภาพรวมอุตสาหกรรม
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 พบว่าดุลการค้าของประเทศไทยมีการเกินดุลสำหรับภาคอุตสาหกรรมนี้อยู่ประมาณ 5.8 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ หรือประมาณ 197.95 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 34.13 บาท/เหรียญสหรัฐฯ คำนวณจากอัตราเฉลี่ยประจำเดือน ก.ค.— ก.ย.50)
การส่งออกของภาคอุตสาหกรรมนับว่าได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและทำให้ความได้
เปรียบด้านการแข่งขันของไทยลดลง ซึ่งผลิตภัณฑ์พลาสติกนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุด นอกจากนี้ปัจจัย
วัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรมพลาสติกได้แก่ปิโตรเคมีที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับสูงขึ้นมาก
การตลาด
การส่งออก
ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 616.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.03 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร
กลุ่มประเทศในอาเซียน ออสเตรเลียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินของกลุ่มประเทศหลักที่ไทยส่งออกได้ส่งผล
กระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ทำให้ปริมาณการสั่งซื้อและการส่งออกของบางกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเพียง
เล็กน้อยหรือเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด คือ แผ่นฟิมล์ฟอยล์และแถบ มีมูลค่าการส่งออก 180.0ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.56 เมื่อ
เทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รองลงมาได้แก่ ถุงและกระสอบพลาสติก มีมูลค่าส่ง
ออก 144.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.14 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.20 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประเภท มูลค่าการส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ )
ผลิตภัณฑ์ 2548 2549 Q3 ปี Q4 ปี Q1 ปี Q2 ปี Q3 ปี Q3/2550เทียบกับQ2/2550 Q3/2550เทียบกับQ3/2549
2549 2549 2550 2550 2550 (ร้อยละ) (ร้อยละ)
ถุงและกระสอบพลาสติก 518.8 530.4 139 124 124 127 145 -12.1 4.2
แผ่นฟิลม์ ฟอยล์ และแถบ 536.7 558.7 146 128 154 183 180 1.56 23.11
เครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบ 22.6 17.9 4.6 3.9 5.5 4.8 5.2 -7.65 13.7
กล่องหีบพลาสติก 30.9 30 8.3 5.4 8.9 11.5 13.6 -15.5 63.86
เครื่องใช้สำนักงานทำด้วยพลาสติก 22.6 20.2 5 4.4 5 5.5 5.4 1.48 8.4
หลอดและท่อพลาสติก 41.5 46 13.8 8.5 11.8 11.4 12.4 -8.15 -10.1
พลาสติกปูพื้นและผนัง 50.6 59.1 17.4 8.7 18.5 19.9 20.5 -2.59 17.53
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก 84 98.9 24.8 28.6 24.6 28.5 30.2 -5.66 21.85
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 551.1 624.2 160 155 175 188 204 -8.19 27.57
รวมทั้งสิ้น 1,858.80 1,985.40 519 466 527 579 617 -6.03 18.72
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
การนำเข้า
ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 610.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.20 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.30 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และ
กลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับแผ่นฟิมล์ ฟลอย์และแถบพลาสติก มีสัดส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.63 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและมีมูลค่าการนำ
เข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.82 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลอดและท่อพลาสติก มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.91 เมื่อเทียบกับไตร
มาสที่แล้ว และลดลงร้อยละ 0.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประเภทผลิตภัณฑ์ มูลค่านำเข้า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
2548 2549 Q3 ปี Q4 ปี Q1 ปี Q2 ปี Q3 ปี Q3/2550เทียบกับQ2/2550 Q3/2550เทียบกับQ3/2549
2549 2549 2550 2550 2550 (ร้อยละ) (ร้อยละ)
หลอดและท่อพลาสติก 79.7 88.2 23.1 21 19.9 22.6 23 1.91 -0.39
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก 742.4 767.5 191.7 183.1 192.2 208.1 227.8 8.63 18.82
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 1,224.00 1,366.90 365.1 336.7 315.2 354.3 359.9 1.55 -1.44
รวมทั้งสิ้น 2,046.10 2,222.60 579.9 540.8 527.4 585 610.7 4.2 5.3
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
แนวโน้ม
จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบทั้งห่วงโซ่อุป
ทาน ทำให้ผู้ประกอบการต้องพยายามลดต้นทุนในการผลิตรวมทั้งระมัดระวังการสต๊อกวัตถุดิบที่มีราคาผันผวน
ค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยสูญเสียความได้เปรียบด้านการแข่งขันเมื่อ
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียด้วยกันอันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ดังนั้นอุตสาหกรรมพลาสติกควรที่จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพใน
การผลิตโดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค เช่น แนวโน้มการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมหรือ
การลดภาวะโลกร้อน เพื่อขยายตลาดและรักษามูลค่าการส่งออกของไทยเอาไว้
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 พบว่าดุลการค้าของประเทศไทยมีการเกินดุลสำหรับภาคอุตสาหกรรมนี้อยู่ประมาณ 5.8 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ หรือประมาณ 197.95 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 34.13 บาท/เหรียญสหรัฐฯ คำนวณจากอัตราเฉลี่ยประจำเดือน ก.ค.— ก.ย.50)
การส่งออกของภาคอุตสาหกรรมนับว่าได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและทำให้ความได้
เปรียบด้านการแข่งขันของไทยลดลง ซึ่งผลิตภัณฑ์พลาสติกนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุด นอกจากนี้ปัจจัย
วัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรมพลาสติกได้แก่ปิโตรเคมีที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับสูงขึ้นมาก
การตลาด
การส่งออก
ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 616.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.03 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร
กลุ่มประเทศในอาเซียน ออสเตรเลียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินของกลุ่มประเทศหลักที่ไทยส่งออกได้ส่งผล
กระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ทำให้ปริมาณการสั่งซื้อและการส่งออกของบางกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเพียง
เล็กน้อยหรือเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด คือ แผ่นฟิมล์ฟอยล์และแถบ มีมูลค่าการส่งออก 180.0ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.56 เมื่อ
เทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รองลงมาได้แก่ ถุงและกระสอบพลาสติก มีมูลค่าส่ง
ออก 144.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.14 เทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.20 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประเภท มูลค่าการส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ )
ผลิตภัณฑ์ 2548 2549 Q3 ปี Q4 ปี Q1 ปี Q2 ปี Q3 ปี Q3/2550เทียบกับQ2/2550 Q3/2550เทียบกับQ3/2549
2549 2549 2550 2550 2550 (ร้อยละ) (ร้อยละ)
ถุงและกระสอบพลาสติก 518.8 530.4 139 124 124 127 145 -12.1 4.2
แผ่นฟิลม์ ฟอยล์ และแถบ 536.7 558.7 146 128 154 183 180 1.56 23.11
เครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบ 22.6 17.9 4.6 3.9 5.5 4.8 5.2 -7.65 13.7
กล่องหีบพลาสติก 30.9 30 8.3 5.4 8.9 11.5 13.6 -15.5 63.86
เครื่องใช้สำนักงานทำด้วยพลาสติก 22.6 20.2 5 4.4 5 5.5 5.4 1.48 8.4
หลอดและท่อพลาสติก 41.5 46 13.8 8.5 11.8 11.4 12.4 -8.15 -10.1
พลาสติกปูพื้นและผนัง 50.6 59.1 17.4 8.7 18.5 19.9 20.5 -2.59 17.53
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก 84 98.9 24.8 28.6 24.6 28.5 30.2 -5.66 21.85
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 551.1 624.2 160 155 175 188 204 -8.19 27.57
รวมทั้งสิ้น 1,858.80 1,985.40 519 466 527 579 617 -6.03 18.72
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
การนำเข้า
ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 610.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.20 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.30 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และ
กลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับแผ่นฟิมล์ ฟลอย์และแถบพลาสติก มีสัดส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.63 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและมีมูลค่าการนำ
เข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.82 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลอดและท่อพลาสติก มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.91 เมื่อเทียบกับไตร
มาสที่แล้ว และลดลงร้อยละ 0.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประเภทผลิตภัณฑ์ มูลค่านำเข้า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
2548 2549 Q3 ปี Q4 ปี Q1 ปี Q2 ปี Q3 ปี Q3/2550เทียบกับQ2/2550 Q3/2550เทียบกับQ3/2549
2549 2549 2550 2550 2550 (ร้อยละ) (ร้อยละ)
หลอดและท่อพลาสติก 79.7 88.2 23.1 21 19.9 22.6 23 1.91 -0.39
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก 742.4 767.5 191.7 183.1 192.2 208.1 227.8 8.63 18.82
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 1,224.00 1,366.90 365.1 336.7 315.2 354.3 359.9 1.55 -1.44
รวมทั้งสิ้น 2,046.10 2,222.60 579.9 540.8 527.4 585 610.7 4.2 5.3
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
แนวโน้ม
จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบทั้งห่วงโซ่อุป
ทาน ทำให้ผู้ประกอบการต้องพยายามลดต้นทุนในการผลิตรวมทั้งระมัดระวังการสต๊อกวัตถุดิบที่มีราคาผันผวน
ค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยสูญเสียความได้เปรียบด้านการแข่งขันเมื่อ
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียด้วยกันอันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ดังนั้นอุตสาหกรรมพลาสติกควรที่จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพใน
การผลิตโดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค เช่น แนวโน้มการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมหรือ
การลดภาวะโลกร้อน เพื่อขยายตลาดและรักษามูลค่าการส่งออกของไทยเอาไว้
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-