แท็ก
อุตสาหกรรม
สรุปประเด็นสำคัญ
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนพฤศจิกายน 2550
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 183.61 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (181.84) ร้อยละ 1.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.47) ร้อยละ 13.0
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ
(Hard Disk Drive) การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การผลิต เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง
การผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ การผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ (เครื่องปรับอากาศ)
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.25 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (67.97) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (66.71)ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2550
- อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากช่วงการเลือกตั้งและการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เริ่มมีเข้ามามากขึ้นและแผนการผลิตล่วงหน้าสำหรับส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและตลาดอาเซียน ขณะที่การจำหน่ายสินค้าในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่และตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
- อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์เหล็กในเดือนธันวาคม 2550 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัวเนื่องจากการทรงตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการของตลาดโลก ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงทรงตัวอยู่
- อุตสาหกรรมยานยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2550 เนื่องจากเป็นฤดูกาลการจำหน่าย ประกอบกับค่ายรถยนต์มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดภายในประเทศ สำหรับการจำหน่ายในเดือน
ธันวาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 50 และส่งออกร้อยละ 50
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนธันวาคม 2550 และเดือนมกราคม 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับหลังการเลือกตั้งทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคและ
การลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สำหรับการส่งออกความต้องการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและเอเชียใต้รวมทั้งความต้องการในตลาดใหม่ๆ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรปละตินอเมริกา และแอฟริกายังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาวะการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3 เนื่องจากภาวะการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นของเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดส่งออกเป็นหลัก ในส่วนของภาวะการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนธันวาคมปี 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28 เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดไอที ทำให้การผลิตและขายชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนิกส์กระเตื้องขึ้นโดยเฉพาะช่วงปลายปี สำหรับภาวะการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น
ร้อยละ 9 ส่วนมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 11 ทั้งนี้เนื่องจากตลาดส่งออกหลักเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาด
สหรัฐอเมริกา มีการขยายตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดจีน และอาเซียน ทำให้ยอดการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น
ดัชนีอุตสาหกรรมปี 2550 และปี 2551
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ปี 2550 เบื้องต้นขยายตัวประมาณร้อยละ 7.8 เร่งตัวขึ้นจากปี 2549 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.4 สำหรับในปี 2551 คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) จะขยายตัวร้อยละ 8.0-8.5 จากการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่จะขยายตัว
เพิ่มขึ้น
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)
ต.ค. 50 = 181.84
พ.ย. 50 = 183.61
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นได้แก่
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive)
- การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์
- การผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณและของที่เกี่ยวข้อง
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ต.ค. 50 = 67.97
พ.ย. 50 = 68.25
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- การผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น (ดอกไม้ประดิษฐ์และเครื่องประดับเทียม)
- การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารเดือนธันวาคมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นจากเทศกาลปีใหม่
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 7.1 และ 8.8 แบ่งเป็น
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น สับปะรดกระป๋องมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 63.8 เนื่องจากเข้าฤดูกาลผลิตตามคำสั่งซื้อและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นกลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น อาหารไก่และน้ำมันถั่วเหลืองมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกับปีก่อน ร้อยละ13.3 และ 52.2 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าน้ำตาลจะเริ่มเปิดฤดูกาลหีบอ้อยในช่วงต้นเดือนธันวาคม คาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณวัตถุดิบ
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.6 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่ม
จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นจากปัจจัยความชัดเจนทางการเมือง ประกอบกับข่าวการปรับราคาสินค้า ส่งผลให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นก่อนที่จะปรับราคาสูงขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ
12.1 และ 11.4 ตามลำดับ เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น สับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋อง และไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32.3 47.7 และ 28.4 อย่างไรก็ตามผลจากการแข็งค่าของเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้า ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทย เช่น กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.1
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สำหรับการจำหน่ายสินค้า
ในประเทศจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากช่วงการเลือกตั้งและการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
..ปริมาณคำสั่งซื้อ จำหน่าย ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการบริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ...
1. การผลิต
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนพฤศจิกายน ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ปรับลดลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อ
สินค้าล่วงหน้าก่อนเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่จะมาถึงประกอบกับผู้ประกอบการมีแผนเพิ่มการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น จากผลของข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA)มีผลเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา
2. การตลาด
การจำหน่ายในประเทศ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปรับตัวตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 และเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนพฤศจิกายน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ได้แก่ ผ้าผืน ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เส้นใยประดิษฐ์ และเคหะสิ่งทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2, 22.1, 22.4 และ 10.4 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา ร้อยละ
0.3 ตลาด อาเซียน ร้อยละ 17.3 และญี่ปุ่นร้อยละ 27.0
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เริ่มมีเข้ามามากขึ้นและแผนการผลิตล่วงหน้าสำหรับส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและตลาดอาเซียน ขณะที่การจำหน่ายสินค้าในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาสปีใหม่และตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศจีนได้ประกาศขึ้นภาษีส่งออกเหล็กและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก ได้แก่ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 25 เหล็กลวดและเหล็กเส้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 15 ท่อเชื่อมจากเดิมที่ไม่มีการเก็บภาษีส่งออกปรับเป็นร้อยละ 15 เหล็กแผ่นรีดร้อนหน้าแคบ (ภายใต้พิกัด 7211 1900) รวมถึงเหล็กแผ่นรีดเย็นหน้าแคบและเหล็กแผ่นชุบสังกะสีและเคลือบหน้าแคบจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 15 เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน พ.ย. 50 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.84 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 148.03 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.08 โดยเหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.76 เนื่องจากเดือนที่แล้วผู้ผลิตในกลุ่มนี้ได้ลดปริมาณการผลิตลง เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศที่ผ่านมาชะลอตัวลง ส่งผลให้ปริมาณสินค้าคงคลังเดือนที่แล้วลดลง จึงทำให้เดือนนี้ผู้ผลิตเพิ่มการผลิตขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงเป็นการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อเท่านั้นจะไม่มีการสต๊อกสินค้าสำเร็จรูปไว้ในปริมาณมากเนื่องจากเกรงผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รองลงมาคือเหล็กเส้นข้ออ้อย เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.98 สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.07 โดยเหล็กแผ่นเคลือบดีบุกมีการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 17.70 เนื่องจากมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.72 โดยเป็นการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.34 โดยเหล็กทรงยาว ได้แก่ลวดเหล็กและเหล็กเส้นข้ออ้อยมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 48.13 และ 18.16 ตามลำดับ สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.86 โดยเหล็กแผ่นรีดเย็น มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.64
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนธันวาคม 2550 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กทุกตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 501 เป็น 536 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.95 รองลงมาคือ เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 547 เป็น 575 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.12 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 529 เป็น 537 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.45 เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 633 เป็น 637 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.58 และเหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 589 เป็น 592 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.45 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้ของประเทศในกลุ่ม BRIC ได้แก่ ประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน ที่เพิ่มมากขึ้น
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน ธ.ค.2550 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัวเนื่องจากการทรงตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับเหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการของตลาดโลกขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงทรงตัวอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2550 การผลิตขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 อันเนื่องจากการส่งออกที่มีการขยายตัว โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 125,071 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการผลิต 101,117 คัน ร้อยละ 23.69 และมีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 0.99
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 57,719 คัน ลดลงจากเดือน พฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการจำหน่าย 57,800 คัน ร้อยละ 0.14
และลดลงจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 0.24
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 69,783 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการส่งออก 44,085 คัน ร้อยละ 58.29 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถกระบะ 1 ตัน ไปยังกลุ่มตะวันออกกลาง, ยุโรป, อเมริกากลาง และอเมริกาใต้และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 19.31
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2550 เนื่องจากเป็นฤดูกาลการจำหน่าย ประกอบกับค่ายรถยนต์มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดภายในประเทศ สำหรับการจำหน่ายในเดือนธันวาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 50 และส่งออกร้อยละ 50
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2550 การผลิตชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ซึ่งได้รับผลกระทบจากตลาดภายในประเทศที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี การส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 139,514 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการผลิต 155,646 คัน ร้อยละ
10.36 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 2.16
- การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 129,608 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการจำหน่าย 159,737 คัน ร้อยละ 18.86 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 2.88
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) มีจำนวน 7,072 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการส่งออก 6,149
คัน ร้อยละ 15.01 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 18.46
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือน ธันวาคม 2550 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน พฤศจิกายน 2550
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศชะลอตัวลง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา แต่แนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ภายในประเทศในปี 2551คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศเดือนพฤศจิกายน 2550 ปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศยังคงชะลอตัว
ลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 4.16 และ 0.56 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 2.76 และ 7.29 ตามลำดับ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะซบเซา ตามการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัวลง เพราะขาดความเชื่อมั่น
ทางเศรษฐกิจ
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนพฤศจิกายน2550 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.49 และ 13.75 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดส่งออกหลักแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา
3.แนวโน้ม
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนธันวาคม 2550 และเดือนมกราคม 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้างประกอบกับหลังการเลือกตั้งทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการส่งออกความต้องการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและเอเชียใต้รวมทั้งความต้องการในตลาดใหม่ๆ เช่น ตะวันออกกลางยุโรป ละตินอเมริกา และแอฟริกายังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.13 โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 333.65 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.54 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD, Other IC, Monolithic IC และ Semiconductor devices
Transistors ตามลำดับ
- มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.56 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ4,092.90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงาน มีมูลค่า 183.82 ล้านเหรียญสหรัฐ
1.การผลิต
ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.00 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.13 โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 333.65 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิต
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.54 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD, Other IC, Monolithic IC และ
Semiconductor devices Transistors ตามลำดับ ส่วนสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงบางรายการซึ่งได้แก่ เครื่องปรับอากาศ หม้อหุงข้าวกระติกน้ำร้อน เป็นต้น
เครื่องรับโทรทัศน์สีขนาดเล็ก ปรับตัวลดลงเนื่องจากความนิยมในตัวสินค้าที่เป็นแบบ CRT ลดลงมาก ขณะที่ เครื่องรับโทรทัศน์ขนาดใหญ่
ได้รับความนิยมในส่วนของ TV ที่มีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีความคมชัดมากกว่าความละเอียดของสีเพิ่มขึ้น จอขยายใหญ่ขึ้นและยังออกแบบรูปทรงที่ดูสวยงามทันสมัยมากขึ้น เช่น LCD/Plasma TV
2. การตลาด
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤศจิกายน 2550 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 1.94 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.56 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ 4,092.90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยโรงงาน มีมูลค่า 183.82 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดคือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,578.11 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. แนวโน้ม
ภาวะการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3 เนื่องจากภาวะการผลิตที่เพิ่ม
สูงขึ้นของเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดส่งออกเป็นหลัก
ภาวะการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนธันวาคมปี 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28 เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดไอที ทำให้การ
ผลิตและขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กระเตื้องขึ้นโดยเฉพาะช่วงปลายปีภาวะการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 9 ส่วนมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 11 ทั้งนี้เนื่องจากตลาดส่งออกหลักเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดสหรัฐอเมริกา มีการขยายตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดจีน และอาเซียน ทำให้ยอดการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 มีค่า 183.61 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (181.84) ร้อยละ 1.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.47) ร้อยละ 13.0
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ได้แก่อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำ นักงาน เครื่องทำ บัญชีและเครื่องคำ นวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ(เครื่องปรับอากาศ) เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์
และส่วนประกอบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพฤศจิกายน 2550 มีค่า 68.25 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (67.97) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (66.71)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น (ดอกไม้ประดิษฐ์และเครื่องประดับเทียม) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐานเป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2550
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 340 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 419 รายหรือน้อยกว่าร้อยละ -18.85 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 22,422.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 7,764.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 240.46 สำหรับการจ้างงานรวมมีจำนวน 14,032 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 10,076 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.07
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 447 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ-23.94 และมีการจ้างงานลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 17,144 คน ร้อยละ-18.15 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการลงทุน 22,403.28 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.94
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 36 ราย รองลงมาคืออุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์จำนวน 27 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมสร้าง ดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ จักรยานสามล้อสองล้อ มีเงินทุน 6,931.41 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตแก้ว เส้นใยแก้วผลิตภัณฑ์แก้ว มีเงินทุน 5,640.23 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมสร้าง ดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ จักรยานสามล้อสองล้อ คนงาน 3,091 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 1,909 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 194 ราย มากกว่าเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 152 ราย คิดเป็นร้อยละ 27.63 ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน3,025.61 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 3,028.68 ล้านบาท สำหรับการเลิกจ้างงานมีจำนวน 4,008 คน น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 5,627 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 238 รายคิดเป็นร้อยละ -18.49 ในส่วนการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 5,627 คน และในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 4,543.99 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คืออุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ จำนวน 15 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมสี ฝัด หรือขัดข้าว อุตสาหกรรมทำวงกบ ขอบประตู ขอบหน้าต่าง บานประตู บานหน้าต่าง และอุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ ทั้ง 3 อุตสาหกรรมเท่ากันจำนวน 11 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คืออุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์ซึ่งมิใช่ภาชนะบรรจุจากเยื่อ กระดาษหรือกระดาษแข็งเงินทุน 1,066.13 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำเครื่องใช้เล็ก ๆ จากโลหะเงินทุน 347.68 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วง คนงาน 401 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์
คนงาน 288 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 115 โครงการ มากกว่าเดือนตุลาคม 2550 ที่มีจำนวน 109 โครงการร้อยละ 5.5 และมีเงินลงทุน 83,100 ล้านบาท มากกว่าเดือนตุลาคม 2550 ที่มีเงินลงทุน 46,500 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 78.71
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.มากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่มีจำนวน 81 โครงการ ร้อยละ 41.98 และมีเงินลงทุนมากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่มีเงินลงทุน 32,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 152.58
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2550
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.2550 คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 183,600 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 173,900 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนพฤศจิกายน 2550
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 183.61 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (181.84) ร้อยละ 1.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.47) ร้อยละ 13.0
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ
(Hard Disk Drive) การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การผลิต เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง
การผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ การผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ (เครื่องปรับอากาศ)
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.25 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (67.97) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (66.71)ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2550
- อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากช่วงการเลือกตั้งและการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เริ่มมีเข้ามามากขึ้นและแผนการผลิตล่วงหน้าสำหรับส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและตลาดอาเซียน ขณะที่การจำหน่ายสินค้าในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่และตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
- อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์เหล็กในเดือนธันวาคม 2550 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัวเนื่องจากการทรงตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการของตลาดโลก ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงทรงตัวอยู่
- อุตสาหกรรมยานยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2550 เนื่องจากเป็นฤดูกาลการจำหน่าย ประกอบกับค่ายรถยนต์มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดภายในประเทศ สำหรับการจำหน่ายในเดือน
ธันวาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 50 และส่งออกร้อยละ 50
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนธันวาคม 2550 และเดือนมกราคม 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับหลังการเลือกตั้งทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคและ
การลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สำหรับการส่งออกความต้องการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและเอเชียใต้รวมทั้งความต้องการในตลาดใหม่ๆ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรปละตินอเมริกา และแอฟริกายังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาวะการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3 เนื่องจากภาวะการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นของเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดส่งออกเป็นหลัก ในส่วนของภาวะการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนธันวาคมปี 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28 เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดไอที ทำให้การผลิตและขายชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนิกส์กระเตื้องขึ้นโดยเฉพาะช่วงปลายปี สำหรับภาวะการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น
ร้อยละ 9 ส่วนมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 11 ทั้งนี้เนื่องจากตลาดส่งออกหลักเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาด
สหรัฐอเมริกา มีการขยายตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดจีน และอาเซียน ทำให้ยอดการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น
ดัชนีอุตสาหกรรมปี 2550 และปี 2551
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ปี 2550 เบื้องต้นขยายตัวประมาณร้อยละ 7.8 เร่งตัวขึ้นจากปี 2549 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.4 สำหรับในปี 2551 คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) จะขยายตัวร้อยละ 8.0-8.5 จากการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่จะขยายตัว
เพิ่มขึ้น
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)
ต.ค. 50 = 181.84
พ.ย. 50 = 183.61
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นได้แก่
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive)
- การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์
- การผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณและของที่เกี่ยวข้อง
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ต.ค. 50 = 67.97
พ.ย. 50 = 68.25
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- การผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น (ดอกไม้ประดิษฐ์และเครื่องประดับเทียม)
- การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารเดือนธันวาคมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นจากเทศกาลปีใหม่
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 7.1 และ 8.8 แบ่งเป็น
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น สับปะรดกระป๋องมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 63.8 เนื่องจากเข้าฤดูกาลผลิตตามคำสั่งซื้อและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นกลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น อาหารไก่และน้ำมันถั่วเหลืองมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกับปีก่อน ร้อยละ13.3 และ 52.2 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าน้ำตาลจะเริ่มเปิดฤดูกาลหีบอ้อยในช่วงต้นเดือนธันวาคม คาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณวัตถุดิบ
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.6 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่ม
จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นจากปัจจัยความชัดเจนทางการเมือง ประกอบกับข่าวการปรับราคาสินค้า ส่งผลให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นก่อนที่จะปรับราคาสูงขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ
12.1 และ 11.4 ตามลำดับ เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น สับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋อง และไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32.3 47.7 และ 28.4 อย่างไรก็ตามผลจากการแข็งค่าของเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้า ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทย เช่น กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.1
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สำหรับการจำหน่ายสินค้า
ในประเทศจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากช่วงการเลือกตั้งและการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
..ปริมาณคำสั่งซื้อ จำหน่าย ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการบริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ...
1. การผลิต
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนพฤศจิกายน ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ปรับลดลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อ
สินค้าล่วงหน้าก่อนเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่จะมาถึงประกอบกับผู้ประกอบการมีแผนเพิ่มการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น จากผลของข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA)มีผลเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา
2. การตลาด
การจำหน่ายในประเทศ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปรับตัวตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 และเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนพฤศจิกายน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ได้แก่ ผ้าผืน ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เส้นใยประดิษฐ์ และเคหะสิ่งทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2, 22.1, 22.4 และ 10.4 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา ร้อยละ
0.3 ตลาด อาเซียน ร้อยละ 17.3 และญี่ปุ่นร้อยละ 27.0
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เริ่มมีเข้ามามากขึ้นและแผนการผลิตล่วงหน้าสำหรับส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและตลาดอาเซียน ขณะที่การจำหน่ายสินค้าในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาสปีใหม่และตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศจีนได้ประกาศขึ้นภาษีส่งออกเหล็กและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก ได้แก่ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 25 เหล็กลวดและเหล็กเส้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 15 ท่อเชื่อมจากเดิมที่ไม่มีการเก็บภาษีส่งออกปรับเป็นร้อยละ 15 เหล็กแผ่นรีดร้อนหน้าแคบ (ภายใต้พิกัด 7211 1900) รวมถึงเหล็กแผ่นรีดเย็นหน้าแคบและเหล็กแผ่นชุบสังกะสีและเคลือบหน้าแคบจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 15 เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน พ.ย. 50 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.84 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 148.03 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.08 โดยเหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.76 เนื่องจากเดือนที่แล้วผู้ผลิตในกลุ่มนี้ได้ลดปริมาณการผลิตลง เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศที่ผ่านมาชะลอตัวลง ส่งผลให้ปริมาณสินค้าคงคลังเดือนที่แล้วลดลง จึงทำให้เดือนนี้ผู้ผลิตเพิ่มการผลิตขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงเป็นการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อเท่านั้นจะไม่มีการสต๊อกสินค้าสำเร็จรูปไว้ในปริมาณมากเนื่องจากเกรงผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รองลงมาคือเหล็กเส้นข้ออ้อย เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.98 สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.07 โดยเหล็กแผ่นเคลือบดีบุกมีการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 17.70 เนื่องจากมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.72 โดยเป็นการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.34 โดยเหล็กทรงยาว ได้แก่ลวดเหล็กและเหล็กเส้นข้ออ้อยมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 48.13 และ 18.16 ตามลำดับ สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.86 โดยเหล็กแผ่นรีดเย็น มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.64
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนธันวาคม 2550 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กทุกตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 501 เป็น 536 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.95 รองลงมาคือ เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 547 เป็น 575 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.12 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 529 เป็น 537 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.45 เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 633 เป็น 637 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.58 และเหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 589 เป็น 592 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.45 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้ของประเทศในกลุ่ม BRIC ได้แก่ ประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน ที่เพิ่มมากขึ้น
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน ธ.ค.2550 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัวเนื่องจากการทรงตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับเหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการของตลาดโลกขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงทรงตัวอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2550 การผลิตขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 อันเนื่องจากการส่งออกที่มีการขยายตัว โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 125,071 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการผลิต 101,117 คัน ร้อยละ 23.69 และมีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 0.99
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 57,719 คัน ลดลงจากเดือน พฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการจำหน่าย 57,800 คัน ร้อยละ 0.14
และลดลงจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 0.24
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 69,783 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการส่งออก 44,085 คัน ร้อยละ 58.29 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถกระบะ 1 ตัน ไปยังกลุ่มตะวันออกกลาง, ยุโรป, อเมริกากลาง และอเมริกาใต้และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 19.31
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2550 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2550 เนื่องจากเป็นฤดูกาลการจำหน่าย ประกอบกับค่ายรถยนต์มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดภายในประเทศ สำหรับการจำหน่ายในเดือนธันวาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 50 และส่งออกร้อยละ 50
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2550 การผลิตชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ซึ่งได้รับผลกระทบจากตลาดภายในประเทศที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี การส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 139,514 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการผลิต 155,646 คัน ร้อยละ
10.36 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 2.16
- การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 129,608 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการจำหน่าย 159,737 คัน ร้อยละ 18.86 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 2.88
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) มีจำนวน 7,072 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการส่งออก 6,149
คัน ร้อยละ 15.01 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2550 ร้อยละ 18.46
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือน ธันวาคม 2550 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน พฤศจิกายน 2550
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศชะลอตัวลง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา แต่แนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ภายในประเทศในปี 2551คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศเดือนพฤศจิกายน 2550 ปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศยังคงชะลอตัว
ลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 4.16 และ 0.56 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 2.76 และ 7.29 ตามลำดับ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะซบเซา ตามการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัวลง เพราะขาดความเชื่อมั่น
ทางเศรษฐกิจ
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนพฤศจิกายน2550 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.49 และ 13.75 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดส่งออกหลักแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา
3.แนวโน้ม
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนธันวาคม 2550 และเดือนมกราคม 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้างประกอบกับหลังการเลือกตั้งทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการส่งออกความต้องการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและเอเชียใต้รวมทั้งความต้องการในตลาดใหม่ๆ เช่น ตะวันออกกลางยุโรป ละตินอเมริกา และแอฟริกายังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.13 โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 333.65 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.54 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD, Other IC, Monolithic IC และ Semiconductor devices
Transistors ตามลำดับ
- มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.56 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ4,092.90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงาน มีมูลค่า 183.82 ล้านเหรียญสหรัฐ
1.การผลิต
ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.00 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.13 โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 333.65 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิต
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.54 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD, Other IC, Monolithic IC และ
Semiconductor devices Transistors ตามลำดับ ส่วนสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงบางรายการซึ่งได้แก่ เครื่องปรับอากาศ หม้อหุงข้าวกระติกน้ำร้อน เป็นต้น
เครื่องรับโทรทัศน์สีขนาดเล็ก ปรับตัวลดลงเนื่องจากความนิยมในตัวสินค้าที่เป็นแบบ CRT ลดลงมาก ขณะที่ เครื่องรับโทรทัศน์ขนาดใหญ่
ได้รับความนิยมในส่วนของ TV ที่มีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีความคมชัดมากกว่าความละเอียดของสีเพิ่มขึ้น จอขยายใหญ่ขึ้นและยังออกแบบรูปทรงที่ดูสวยงามทันสมัยมากขึ้น เช่น LCD/Plasma TV
2. การตลาด
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤศจิกายน 2550 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 1.94 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.56 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ 4,092.90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยโรงงาน มีมูลค่า 183.82 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดคือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,578.11 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. แนวโน้ม
ภาวะการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3 เนื่องจากภาวะการผลิตที่เพิ่ม
สูงขึ้นของเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดส่งออกเป็นหลัก
ภาวะการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนธันวาคมปี 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28 เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดไอที ทำให้การ
ผลิตและขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กระเตื้องขึ้นโดยเฉพาะช่วงปลายปีภาวะการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2550 ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 9 ส่วนมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 11 ทั้งนี้เนื่องจากตลาดส่งออกหลักเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดสหรัฐอเมริกา มีการขยายตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดจีน และอาเซียน ทำให้ยอดการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 มีค่า 183.61 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (181.84) ร้อยละ 1.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.47) ร้อยละ 13.0
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ได้แก่อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำ นักงาน เครื่องทำ บัญชีและเครื่องคำ นวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ(เครื่องปรับอากาศ) เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์
และส่วนประกอบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพฤศจิกายน 2550 มีค่า 68.25 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 (67.97) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (66.71)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น (ดอกไม้ประดิษฐ์และเครื่องประดับเทียม) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐานเป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2550
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 340 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 419 รายหรือน้อยกว่าร้อยละ -18.85 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 22,422.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 7,764.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 240.46 สำหรับการจ้างงานรวมมีจำนวน 14,032 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 10,076 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.07
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 447 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ-23.94 และมีการจ้างงานลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 17,144 คน ร้อยละ-18.15 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีการลงทุน 22,403.28 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.94
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 36 ราย รองลงมาคืออุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์จำนวน 27 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมสร้าง ดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ จักรยานสามล้อสองล้อ มีเงินทุน 6,931.41 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตแก้ว เส้นใยแก้วผลิตภัณฑ์แก้ว มีเงินทุน 5,640.23 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมสร้าง ดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ จักรยานสามล้อสองล้อ คนงาน 3,091 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 1,909 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 194 ราย มากกว่าเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 152 ราย คิดเป็นร้อยละ 27.63 ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน3,025.61 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 3,028.68 ล้านบาท สำหรับการเลิกจ้างงานมีจำนวน 4,008 คน น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 5,627 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 238 รายคิดเป็นร้อยละ -18.49 ในส่วนการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 5,627 คน และในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 4,543.99 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คืออุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ จำนวน 15 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมสี ฝัด หรือขัดข้าว อุตสาหกรรมทำวงกบ ขอบประตู ขอบหน้าต่าง บานประตู บานหน้าต่าง และอุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ ทั้ง 3 อุตสาหกรรมเท่ากันจำนวน 11 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คืออุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์ซึ่งมิใช่ภาชนะบรรจุจากเยื่อ กระดาษหรือกระดาษแข็งเงินทุน 1,066.13 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำเครื่องใช้เล็ก ๆ จากโลหะเงินทุน 347.68 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2550 คือ อุตสาหกรรมทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วง คนงาน 401 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์
คนงาน 288 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2550 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 115 โครงการ มากกว่าเดือนตุลาคม 2550 ที่มีจำนวน 109 โครงการร้อยละ 5.5 และมีเงินลงทุน 83,100 ล้านบาท มากกว่าเดือนตุลาคม 2550 ที่มีเงินลงทุน 46,500 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 78.71
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนพฤศจิกายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.มากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่มีจำนวน 81 โครงการ ร้อยละ 41.98 และมีเงินลงทุนมากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2549 ที่มีเงินลงทุน 32,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 152.58
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2550
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.2550 คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 183,600 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 173,900 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-