สนพ.ดีเอ็มจีจัดเสวนาเรื่อง “การปลดแอกทางชนชั้น ดร.อัมเบ็ดก้าร์ รัตนบุรุษแห่งชมพูทวีป” จากจัณฑาลสู่รัฐบุรุษที่โลกต้องจารึก!

ข่าวทั่วไป Friday October 22, 2010 13:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ (หอประชุมบ้านอารีย์) สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีจัดงานเสวนาเรื่อง “การปลดแอกทางชนชั้น ดร. อัมเบ็ดก้าร์ รัตนบุรุษแห่งชมพูทวีป” เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสศึกษาวิธีการต่อสู้แบบวิถีพุทธของ ดร.อัมเบ็ดก้าร์ ผู้ซึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตจัณฑาล ที่ถูกเหยียดหยามมาตลอดชีวิตว่าเป็นคนชั้นต่ำ สู่รัฐบุรุษที่ประชาชนชาวอินเดียยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งรัฐธรรมนูญอินเดีย” ประวัติของ ดร. อัมเบ็ดก้าร์ นั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านผลงาน ด้านแนวคิด และชาติตระกูล จัดได้ว่าเป็นชาวอินเดียที่มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปลดแอกตัวเองออกจากจัณฑาลจนสำเร็จ ซึ่งในประเทศอินเดียถือว่าเป็นคนนอกวรรณะ โดยมีแรงบันดาลใจสำคัญจากหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสไว้ว่า “คนเราไม่ใช่ดีเพราะโคตร ไม่ใช่ดีเพราะตระกูล ไม่ใช่ดีเพราะทรัพย์ แต่จะดีหรือชั่ว อยู่ที่การกระทำของบุคคลนั้นๆ...” ด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมนี้ ดร. อัมเบ็ดก้าร์ จึงตัดสินใจเปลี่ยนจากศาสนาฮินดูมาเป็นชาวพุทธทั้งกายและใจ ประกาศตนเป็นพุทธมามกะอย่างเต็มภาคภูมิ อีกทั้งนำประชาชนมากกว่า ๕ แสนคน เข้าสู่ใต้ร่มบวรแห่งพระพุทธศาสนา และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือ การนำธงธรรมจักรที่สาบสูญไปนาน กลับมาปักบนดินแดนกำเนิดของพระพุทธศาสนาอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลกเลยทีเดียว ทั้งนี้ภายในงานยังได้เปิดตัวหนังสือ “ดร.อัมเบ็ดก้าร์ รัตนบุรุษแห่งชมพูทวีป” เป็นครั้งแรกซึ่งเรียบเรียงโดย พระอาจารย์อารยะวังโส เนื้อหาในเล่ม ท่านได้เล่าถึงขณะที่ไปเยือนอินเดีย และบังเอิญได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับชาวพุทธในอินเดียที่ต่างพากันมาประกาศตนเป็นพุทธมามกะเป็นครั้งแรกในวันวิสาขบูชา เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ ณ สังเวชนียสถาน ซึ่งเป็นที่ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ตำบลพุทธคยา อำเภอคยา จังหวัดปัตนะ รัฐพิหาร นับแต่นั้นมา พระอาจารย์อารยะวังโสก็ได้ทราบว่า ในอินเดียยังมีหมู่ชนที่ยังนับถือศาสนาพุทธอยู่ และขณะที่ท่านกำลังมองหาความจริงของชาวพุทธ ก็ได้พบกับรูปภาพของบุรุษผู้หนึ่ง ที่ปรากฏบนบัตรแสดงตนของชาวพุทธกลุ่มนี้ นามว่า ดร. บี.อาร์. อัมเบ็ดก้าร์ ทำให้สงสัยต่ออีกว่า บุคคลท่านนี้ คือใคร มีความสำคัญอย่างไร และเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างไร พระอาจารย์อารยะวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จังหวัดลำพูน กล่าวถึงหนังสือ “ดร.อัมเบ็ดก้าร์ รัตนบุรุษแห่งชมพูทวีป” ว่า “ดร. อัมเบ็ดการ์ เป็นที่พึ่งของชาวพุทธในประเทศอินเดีย ถึงขนาดมีชื่อของท่านในบทสวดมนต์ บุรุษผู้นี้สามารถนำชาวฮินดูชนชั้นจัณฑาลกว่า ๕ แสนคนหันมานับถือพระพุทธศานาได้โดยชอบธรรมและถูกต้องตามพระธรรมวินัย จนทุกวันนี้มีพุทธศานิกชนในอินเดียกว่า ๑๐ ล้านคนแล้ว จึงสนใจว่าท่านทำได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่พระธรรมทูต และจากประวัติศาสตร์ ก็ไม่มีใครเคยทำได้ นอกจากนี้ ดร.อัมเบ็ดการ์ยังเป็นนักปฎิรูปสังคมที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งประวัติศาสตร์อินเดียบันทึกไว้ว่า ท่านเป็นชาวจัณฑาลคนแรกที่สามารถำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ๒ สาขา คือรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ หนังสือเล่มนี้ จึงสะท้อนเรื่องราวส่วนหนึ่งที่น่าศึกษาเกี่ยวกับการเป็นผู้นำเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ซึ่งพระสงฆ์ทั่วประเทศและชาวพุทธทุกคนควรอ่าน แล้วหันกลับมามองตนเองว่าเรามีความรัก ความกตัญญู ในพระพุทธศาสนามากน้อยเพียงใด” ดร. พระมหาบวรวิทย์ รตนโชโต พระธรรมวิทยากรประเทศอินเดีย เนปาล ศรีลังกา และสำนักปฏิบัติธรรม เขาดินหนองแสง จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า “ดร. อัมเบ็ดการ์ เปลี่ยนศาสนาเพราะความกดดันด้านชนชั้นวรรณะที่ถูกมองว่าชนชั้นจัณฑาลไม่มีค่า แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังมีค่ามากกว่าเสียอีก นับว่าท่านมีความโดดเดี่ยวมากที่กล้าก้าวออกจากระบบชนชั้นซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของชนชาติอินเดีย สมัยก่อนหน้านั้น ประเทศอินเดียมีคนนับถือศาสนาพุทธเพียง ๐.๗ % แต่หลังจากที่ ดร. อัมเบ็ดการ์ ได้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะและเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว มีผู้หันมานับถือศาสนาพุทธเพิ่มขึ้นถึง ๓ — ๔ % ซึ่งนับว่าไม่น้อยเลย ผู้ปกครองควรให้บุตรหลานศึกษาเรื่องราวของรัฐบุรุษท่านนี้เอาไว้ เพราะปัจจุบันประเทศไทยของเราคล้ายกับประเทศอินเดียสมัยก่อน เราจึงไม่ควรรอให้พระพุทธศาสนาหายไปจากประเทศไทย แล้วจึงกอบกู้กลับคืนมาเหมือนดังที่ ดร. อัมเบ็ดการ์ต้องต่อสู้มาทั้งชีวิต” ผช.ดร. ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชามนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ดร. อัมเบ็ดการ์ กับท่านมหาตมะ คานธี มีความเหมือนกันตรงที่ท่านทั้งสองต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจากประเทศอังกฤษ แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายส่วนซึ่งเป็นมุมที่น้อยคนนักจะล่วงรู้ ดร.อัมเบ็ดการ์นั้น ขอให้ยกเลิกระบบชนชั้นวรรณะ แต่ท่านคานธีปฏิเสธ กลับยอมรับการแบ่งแยกดินแดนของชาวมุสลิม ซึ่งในปัจจุบันเป็นประเทศปากีสถาน ทำให้เกิดความขัดแย้งและฆ่ากันเองในเวลาต่อมา เมื่อดร. อัมเบ็ดการ์ ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ท่านเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกและฉบับเดียวที่ประเทศอินเดียยึดถือเป็นหลักมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้ออกแบบธงชาติและวางสัญลักษณ์ธรรมจักรไว้กลางธง และใช้สิงห์เป็นสัญลักษณ์รัฐสภา ประวัติของท่านจึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับชาวพุทธอย่างแท้จริง” แม่ชีสุมณฑา กุลวนิช ศิษยานุศิษย์ พระอาจารย์อารยะวังโส กล่าวถึงการติดตามพระอาจารย์ขณะเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศอินเดียว่า “พระอาจารย์อารยะวังโส ได้เดินทางไปที่อำเภอคยา รัฐพิหาร ชาวพุทธในเมืองแห่งนี้ก็มีความปลาบปลื้มยินดี พร้อมต้อนรับพระอาจารย์อย่างยิ่งใหญ่ ที่สำคัญคือการได้เห็นอนุสาวรีย์ของบุรุษท่านหนึ่ง นามว่า ดร. บี.อาร์. อัมเบ็ดก้าร์ ในทุกๆ ปีได้มีการนำพวงมาลัยดอกไม้ไปแสดงความเคารพรูปปั้นของท่านผู้นี้และเป็นเช่นนี้ทุกแห่งหน ชาวพุทธอินเดียมักจะนิมนต์พระอาจารย์อารยะวังโสไปบรรยายตามเมืองต่างๆ โดยเฉพาะในรัฐมหาราษฎร์นั้น มีโปสเตอร์พระสงฆ์ไทยคู่กับดร. อัมเบ็ดการ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก และเคยมีชาวอินเดียถวายที่ดินหลังจากฟังธรรมบรรยายของพระอาจารย์ด้วย นับว่าชาวพุทธอินเดียศรัทธาในพระสงฆ์ไทยด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลที่ดร.อัมเบ็ดการ์ ได้วางรากฐานไว้นั่นเอง” หนังสือ “ดร.อัมเบ็ดก้าร์ รัตนบุรุษแห่งชมพูทวีป” เรียบเรียงโดย พระอาจารย์อารยะวังโส มีความหนา ๒๒๐ หน้า ราคา ๑๙๙ บาท วางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ และร้านดีบุ๊คส์ ชั้น ๒๒ อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ถนนเพลินจิต (บีทีเอสชิดลม) นอกจากนี้ยังมีวางจำหน่ายพร้อมโปรโมชั่นพิเศษในงาน “มหกรรมหนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๕” ณ บูธ ซี ๐๕ ห้องแพลนนารีฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ ๒๑ ถึง ๓๑ ตุลาคม ศกนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี โทร ๐-๒๖๘๕-๒๒๕๔-๕ หรือ www.dmgbooks.com ประสานงาน สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี โทร. ๐-๒๖๘๕-๒๒๕๔-๕ ประสานงาน ดีซี คอนซัลแทนส์ฯ โทร. ๐-๒๖๑๐-๒๓๖๔ จารุวรรณ เวชตระกูล ต่อ ๒๒๑๔ สุรีรัตน์ ปานพรม ต่อ ๒๓๖๗ อัญชลี เรืองศรีศักดิกุล ต่อ ๒๒๖๖ ปัทมา วัฒนาพรินทร ต่อ ๒๓๗๗

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ