KTAM เปิดอีกทางเลือกของการลงทุนในทองคำเปิดขายกองทุน KT-Precious ลงทุนในบริษัททองคำและโลหะมีค่าชั้นนำทั่วโลก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 9, 2010 10:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--บลจ.กรุงไทย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้ ฟันด์ KTAM World Gold and Precious Equity Fund (KT-Precious) ระหว่างวันที่ 10 -17 พฤศจิกายน 2553 โดยกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้ ฟันด์ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในกองทุนรวมหลัก Franklin Gold and Precious Metals Fund บริหารโดย “Franklin Advisers, Inc” บริษัทจัดการลงทุนซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Franklin Templeton Investments ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงถึง 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน สิงหาคม 2553) โดยกองทุนรวมหลักจะลงทุนในตราสารทุนของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจด้านการสำรวจ สกัด หรือแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นทองคำและโลหะมีค่า เช่น แพลทินัม พาลาเดียม และ เงิน เป็นหลัก โดยกองทุนรวมหลักบริหารโดยทีมงานของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัททองคำที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกองทุนที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐฯ นายสมชัย กล่าวต่อว่าการลงทุนในกองทุนดังกล่าวมีความน่าสนใจ เนื่องจากช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทที่ผลิตทองคำและโลหะมีค่า แทนการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง เนื่องจากหุ้นบริษัทโลหะมีค่าเหล่านี้มักมีผลตอบแทนที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผลตอบแทนของโลหะมีค่าอ้างอิง แต่มีต้นทุนการซื้อขายและการจัดเก็บในระดับที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ผู้ลงทุนในกองทุนยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากผลประกอบการของบริษัท ที่เกิดจากการพัฒนาเหมือง การขยายตัวของอัตราการผลิตและความสำเร็จในการขุดค้น เป็นต้น สำหรับแนวโน้มการสร้างผลกำไรในระยะยาวนั้น จากการที่ปริมาณทองคำที่ออกสู่ตลาด มีน้อยกว่าความต้องการใช้ทองคำที่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น ราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำและโลหะมีค่ามีความน่าสนใจในระยะยาว ด้านนายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ในฐานะตัวแทนสนับสนุนการขาย กล่าวเสริมว่า ทองคำได้รับผลดีจากการที่ตลาดคาดว่า ธนาคารกลาง สหรํฐฯ และธนาคารกลางประเทศหลักอื่นๆ จะประกาศใช้มาตรการ QE ซึ่งจะส่งผลโดยนัยต่อ ค่าเงินสกุลหลักโดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ให้ลดลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลทางเลือก เช่นทองคำ ข้อด้อยของทองคำในอดีต (ไม่มีผลตอบแทนจากดอกเบี้ย) ได้ถูกลดลงในโลกปัจจุบันที่อัตรา ดอกเบี้ยเป็นศูนย์ แต่ข้อเด่นของทองคำ (อุปทานที่จำกัด) มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อธนาคารกลางทำ การเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ดังนั้นแม้ว่าราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและมีสถานะซื้อ ทองคำล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ราคาทองคำอาจจะปรับตัวขึ้นต่อได้จากแรงหนุนดังกล่าว นอกจากนั้น ยังคงมีความต้องการทองคำในแง่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในการถือครอง เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงผลกระทบสูงที่มีความเป็นไปได้ต่ำ (Tail Risks) ในเศรษฐกิจโลกอยู่ เราได้ทำการปรับประมาณการราคาทองคำในระยะสั้นและกลางขึ้นเป็น 1,450 เหรียญ/ออนซ์ และคาดว่าทองคำยังจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้ อย่างไรก็ดี ถ้าเศรษฐกิจโลกกลับมาเติบโตและ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มส่งผล ราคาทองคำอาจจะปรับฐานได้ อย่างไรก็ดี กลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งในแนวทางการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งนักลงทุนทุกท่านจะต้อง มีวินัยในการประเมินพอร์ตและตัดสินใจลงทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความเสี่ยง ที่ยอมรับได้ นายปวิณสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ