กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--
เมื่อวิวัฒนาการของ “เมือง” ในสังคมไทยแต่เดิมถูกเปลี่ยนสถานะและบริบทบางอย่างให้ก้าวไปตามกระแสโลกที่เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว “เมือง” ไทยในวันนี้จึงมีรูปแบบใหม่ที่จำเป็นต้องไหลไปกับกระแสการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่ม “เมือง” เล็กๆ แห่งหนึ่ง ณ พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศอันมีการสัญจรทางน้ำเป็นเส้นทางคมนาคมหลัก
ณ วันนี้ โครงสร้างของระบบสาธารณูปโภคได้เข้ามาแทนที่ เกิดการถมคลอง การสร้างถนน และเกิดเส้นทางการค้าใหม่ๆ ที่ต่างพากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ “เมือง” ได้บริโภคกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และแน่นอนที่ว่าคนส่วนมากมักจะวิ่งเข้าหาความเจริญเพื่อตอบสนองการอยู่รอดของตน ที่ผ่านมาได้เกิดการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของคน “นอกเมือง” เข้ามาในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อประกอบอาชีพที่มีรองรับมากกว่า ความหนาแน่นและการกระจุกตัวขจรขจายไปทุกแห่งหน และบางแห่งได้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นชุมชนแออัดอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ผลกระทบที่ตามมาอีกระลอกหนึ่งซึ่งส่งผลต่อคนพื้นที่เดิมคือการจำเป็นต้องย้ายไปประกอบอาชีพในพื้นที่อื่นๆ เกิดสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาเหงาหงอย ระบบความสัมพันธ์ของคนในชุมชนแต่เดิมเริ่มจางหายกลายเป็นระบบต่างคนต่างอยู่ ขาดกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน ละเลยการดูแลและอนุรักษ์สถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและความงามที่มีมาแต่เดิมให้คงอยู่
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จึงได้สร้างความร่วมมือกับ “ชุมชน” ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตพระนคร ประกอบด้วยชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ (เขตพระนคร) ชุมชนบ้านบาตร ชุมชนวัดสระเกศ ชุมชนสิตาราม ชุมชนจักรพรรดิพงษ์ และชุมชนวัดสุนทรธรรมทาน (เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย) ในการสร้างกระบวนการทำงานที่มีศูนย์กลางเป็นคนในชุมชน และนี่คือที่มาของงาน “เตร่ตรอก ลัดรั้วบ้าน ตำนานป้อมปราบ-พระนคร” โดยทำพิธีเปิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการฟื้นฟูชุมชนย่านประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งโครงการเกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่ายทั้งในส่วนของรัฐบาลและเอกชน กลุ่มศิลปินและกลุ่มช่างภาพ
เมื่องานใหญ่ผ่านไป แต่กลิ่นไอของความเป็น “ชุมชน” ยังลอยล่องไม่จางหายไปไหน ซึ่งในแต่ละชุมชนล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวและกิจกรรมที่น่าสนใจ บ้างซ่อนไว้ บ้างอยากเผย ทางทีมงานผู้ร่วมจัดโครงการจึงอยากชวนท่านเข้าร่วมเตร็ดเตร่ในรอยตรอกวัฒนธรรมจากชุมชนทั้ง 6 แห่งเพื่อให้เราได้รู้จักกับ “ชุมชน” ที่เล่นซ่อนแอบกับคนเมืองยุคใหม่ได้อย่างน่าฉงน พบเจอกันได้ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา 10.00 ณ ลานคนเมือง