กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตร ประจำนครปักกิ่ง
การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนเริ่มต้นในปี ๑๙๗๘ ส่งผลให้ประเทศที่เคยยากจนมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยประชากรมีรายได้ต่อหัวเฉลี่ยเพียง ๓๑๓ ดอลลาร์ สรอ. ต่อปี สามารถขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จนขนาดของเศรษฐกิจปรับจากอันดับ ๗ เป็นอันดับ ๒ ของโลกรองจากสหรัฐฯ จนรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นถึง ๑๑ เท่าภายในช่วง ๓ ทศวรรษต่อมา
เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนก็เริ่มห่วงใยในคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สังเกตได้จากภัตตาคาร ร้านอาหารในปักกิ่งมีรายการอาหารบำรุงสารพัด ชนิดในฤดูกาลต่างๆ เช่น หน่อไม้ เห็ด และพืชผักจากธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายและมากด้วยคุณค่าทางสารอาหาร แต่อย่างไรก็ตาม จีนก็ยังประสบกับปัญหามาตรฐานสารเติมแต่งในอาหาร ที่สาธารณชนจีนยังวิตกอยากมาก เช่น ปัญหาสารฟอกขาวในแป้งสาลี ไขมันtrans-fatty acidsในอาหาร และ ferriferous ในซอสถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในระบบการทำงานของหัวใจ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขจีนได้เผยว่า การประชุมดำเนินการด้านอาหารและโภชนาการจีน ในช่วง พ.ย. ๕๓ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดทำร่างมาตรฐานโภชนาการแห่งชาติ เพื่อใช้ต่อไปในอีก ๕ ปีข้างหน้า และจะได้กำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๕ ปี ฉบับที่ ๑๒ ของจีนด้วย นาย Yang Xiaoguang ประธานคณะกรรมการทำงานเตรียมแผนและนโยบาย กล่าวว่า สารเติมแต่งในอาหาร และวิธีการตรวจสอบ จะถูกจัดทำเป็นมาตรฐานอ้างอิงในเร็วๆนี้ ซึ่งภารกิจของรัฐบาลก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องเฉพาะกับงานด้านการกำหนดมาตรฐานการประเมิน การให้ข้อแนะนำด้านโภชนาการ และการให้คำแนะนำบนฉลากสำหรับการใช้สารเติมแต่งอาหาร
ประธานสมาคมอุตสาหกรรมอาหารกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า นโยบายใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทผลิตสารเติมแต่งอาหาร และส่งเสริมให้ตลาดของนักโภชนาการคึกคักขึ้น โดยจากข้อมูลของสมาพันธ์โภชนาการจีนเผยว่า ปัจจุบันมีบัณฑิตจบใหม่ด้านโภชนาการจำนวน ๕๐๐ คน/ปี นาย Deng Hongmei เจ้าหน้าที่ศูนย์อบรมวิทยาศาสตร์สุขภาพและโภชนาการมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า นักโภชนาการจบใหม่มีเพียงส่วนน้อยที่ทำงานในโรงพยาบาล และบริษัทเอกชน ส่วนใหญ่จะทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาส่วนตัว หรือให้บริการส่วนตัวกับเศรษฐี Beijing Evening Post รายงานว่า การว่าจ้างนักโภชนาการกำลังเป็นที่นิยมในจีน แต่อย่างไรก็ยังตามก็ยังน้อยกว่านักกายภาพ และครูสอนเพาะกาย สมาคมดูแลสุขภาพจีนคาดการณ์ว่าตลาดโภชนาการจีนจะเติบโตและมีมูลค่ามากกว่า ๑.๖ หมื่นล้านหยวน (ประมาณ ๘ หมื่นล้านบาท*) มากขึ้นกว่าร้อยละ ๓๐ ในอีก ๒ ปีข้างหน้า