แอร์บัสทำลายสถิติใหม่การส่งมอบเครื่องบินในปี 2553 พร้อมยอดการสั่งซื้อที่สูงเกินความคาดหมาย

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday January 19, 2011 08:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--โทเทิ่ล ควอลิตี้ พีอาร์ จากการเพิ่มศักยภาพและจำนวนการผลิตเป็นเวลา 9 ปีติดต่อกัน แอร์บัสประกาศความสำเร็จในการสร้างสถิติใหม่ในการส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์ถึง 510 ลำ ให้แก่ลูกค้าจำนวน 94 ราย (ลูกค้าใหม่จำนวน 19 ราย) โดยการส่งมอบนั้นแบ่งออกเป็น เครื่องบินตระกูล เอ320 จำนวน 401 ลำ ตระกูล เอ330/340 จำนวน 91 ลำ และ เอ380 จำนวน 18 ลำ ในส่วนทางด้านการทหาร แอร์บัสได้ส่งมอบเครื่องบินสำหรับการทหารและการขนส่งขนาดเล็กและขนาดกลาง (ซีเอ็น235 และ ซี295) จำนวนทั้งสิ้น 20 ลำ ซึ่งมากกว่าปี พ.ศ. 2552 จำนวน 4 ลำ ในปี พ.ศ. 2553 แอร์บัสได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ทั้งสิ้น 644 ฉบับ (จำนวนสุทธิ 574 ฉบับ) โดยมีมูลค่าสูงถึงกว่า 84 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (มูลค่าสุทธิ 74 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งคิดเป็น 51% ของส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกในกลุ่มเครื่องบินที่มีที่นั่งเกินกว่า 100 ที่นั่ง นอกจากนั้น แอร์บัสยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่สำหรับเครื่องบินทางด้านการทหารจำนวน 21 ฉบับ (ซีเอ็น235 และ ซี295) โดยคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ใหม่นั้น ประกอบไปด้วย เครื่องบินตระกูลเอ320 จำนวน 452 ลำ เครื่องบินตระกูลเอ330/340/350 เอ็กซ์ดับเบิ้ลยูบี จำนวน 160 ลำ และ เครื่องบินเอ380 จำนวน 32 ลำ โดยสิ้นปี พ.ศ. 2553 นั้น แอร์บัสมียอดคำสั่งซื้อเครื่อบินพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 3,552 ลำ คิดเป็นมูลค่ากว่า 480 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่ากับการดำเนินการผลิตอย่างเต็มที่ ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 6 ปีเต็ม ในส่วนของยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินทางด้านการทหาร มียอดรวมทั้งสิ้น 247 ลำ ในปี พ.ศ.2553 แอร์บัสได้เปิดตัว เอ320นีโอ (เครื่องยนต์ทางเลือกใหม่) ที่ช่วยประหยัดการเผาผลาญเชื้อเพลิง 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเท่ากับการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องบินในแต่ละลำได้มากถึง 3,600 ตันต่อปี ตลอดปีพ.ศ. 2553 เครื่องบินเอ350 เอ็กซ์ดับเบิ้ลยูบี ยังคงได้รับความนิยมและสร้างยอดการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมียอดคำสั่งซื้อเครื่องตระกูลนี้ทั้งหมด 583 ฉบับ และสิ้นสุดปี 2553 ด้วยจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 36 ราย ในส่วนของภาคการผลิต ปีที่ผ่านมา ยังเป็นปีที่ได้มีการริเริ่มการผลิตส่วนประกอบชิ้นแรกของเครื่อง เอ350 เอ็กซ์ดับเบิ้ลยูบี รวมทั้งการประกอบชิ้นส่วนในระดับย่อยต่างๆ ทั้งยังได้มีการเริ่มทดสอบระบบ (Iron Bird) ของเครื่อง เอ350 เอ็กซ์ดับเบิ้ลยูบีในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ในส่วนของโครงการเครื่องบินตระกูล เอ400เอ็ม ได้ทำการพัฒนาเครื่องบิน 4 ลำ และทำการทดสอบการบินไปแล้วกว่า 1,000 ชั่วโมงจากเที่ยวบินทดสอบกว่า 300 เที่ยวบิน โดยเครื่องบินตระกูล เอ400เอ็มจะเริ่มการผลิตในเร็วๆนี้ และมีวางแผนว่าจะได้รับการรับรองจากการบินพลเรือนภายในสิ้นปีนี้ ในส่วนของเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศเอนกประสงค์ (MRTT) ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องตระกูลเอ330 ได้รับการรับรองจากการบินพลเรือนและการทหารในปี 2553 ที่ผ่านมา ในขณะนี้เครื่องบินจำนวน 5 ลำอยู่ในระหว่างปฏิบัติงาน ในขณะที่เครื่องอีก 4 ลำ กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุง การส่งมอบเครื่องบิน MRTT จำนวน 2 ลำ สู่กองทัพอากาศออสเตรเลีย (RAAF) กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้าย โครงการ Power8 ของแอร์บัส ประสบความสำเร็จเหนือเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ทั้งในส่วนของ EBIT และการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งโครงการ Power8+ จะยังคงดำเนินตามทิศทางนี้เช่นนี้ต่อไป โดยแอร์บัสสามารถสร้างศักยภาพทางด้านการแข่งขันได้อีกครั้งหนึ่งสืบเนื่องจากโครงการ Power8 ที่ช่วยในการพัฒนาผลการดำเนินงานและการเติบโตในตลาด นอกจากนั้น ความรุดหน้าของโครงการ เอ380 ได้ทำให้บริษัทสามารถลดจำนวนพนักงานชั่วคราวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม พนักงานชั่วคราวเหล่านี้กว่าร้อยคน ได้รับการบรรจุเข้าเป็นพนักประจำของแอร์บัส ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสงานตำแหน่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านวิศวกรรมและการผลิต ในปี พ.ศ. 2553 แอร์บัสรับพนักงานใหม่กว่า 2,200 คน ทำให้ภายในสิ้นปี 2553ที่ผ่านมา แอร์บัสมีจำนวนพนักงานทั้งสิ้น 52,500 คน และในปี พ.ศ. 2554 นี้ ทางแอร์บัสมีแผนที่จะรับพนักงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 3,000 ตำแหน่ง โดยเฉพาะสำหรับโครงการพัฒนาเครื่องบินแบบทางเดินเดี่ยวและเครื่องพิสัยไกล รวมทั้งการพัฒนาและการผลิตเครื่องตระกูลเอ400เอ็ม เอ350 เอ็กซ์ดับเบิ้ลยูบี และ เอ320นีโอ “ในปี พ.ศ.2553 ถือเป็นปีที่ดีและเกินความคาดหมายจากที่คาดไว้เมื่อ12เดือนที่แล้ว สภาพตลาดที่กลับมาดีขึ้น พร้อมทั้งผลประกอบการที่พัฒนาสร้างกำลังใจให้เราอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการของเรา ทำให้เรายังคงต้องทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้เพื่อพัฒนาและสร้างให้ปี2554 เป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของแอร์บัส” กล่าวโดย ทอม เอ็นเดอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอของแอร์บัส ในปี พ.ศ. 2554 นี้ แอร์บัสคาดว่าจะสามารถเพิ่มตัวเลขอัตราการส่งมอบเครื่องบินรวมทั้งยอดการสั่งซื้อ “นี่คือผลจากการที่สายการบินต่างๆมีความต้องการเครื่องบินใหม่และมีประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจมากขึ้น” ทอม เอ็นเดอร์ส กล่าว “เราพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่ใช่และเหมาะสมกับช่วงเวลา เช่นเดียวกับกรณีที่เราได้เปิดตัว เอ320นีโอ” และเช่นกันในปี พ.ศ. 2553 แอร์บัส ยังก้าวไปอีกขั้นในการนำเชื้อเพลิงทางเลือกเข้ามาใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยการสร้างระบบสายการดำเนินงานดังกล่าวเป็นครั้งแรกในบราซิล ที่รวมเอาชาวไร่ โรงกลั่นน้ำมัน และสายการบินเข้าไว้ด้วยกัน แอร์บัสประสบความสำเร็จในการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อทำการบินเที่ยวบินแรกของลาตินอเมริกา นอกจากนั้น ยังได้ให้การสนับสนุนเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารแบบรายวัน โดยใช้เชื้อเพลิงแบบชีวภาพ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2554 เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ของแอร์บัสในการเป็นผู้นำในการนำเชื้อเพลิงทางเลือกมาใช้ จากเที่ยวบินทดสอบสู่การใช้จริงในการบินเชิงพาณิชย์ ต้องการข้อมูลเสียง กรุณาเยี่ยมชม http://www.airbus.com/presscentre/hot-topics/annual-press-conference/ ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ: เมธาวรินทร์ มณีกูลพันธ์ + 66 2 260 5820 ต่อ 115

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ