วาเลนไทน์…ก้าวไปให้ถึงรักแท้ อย่าหยุดแค่เฉลิมฉลอง ว.วชิรเมธี

ข่าวทั่วไป Friday February 11, 2011 14:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--ว.วชิรเมธี วันวาเลนไทน์...เป็นวันแห่งความรักที่มักมาพร้อมกับข่าวในทางเสียหายของวัยรุ่นไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่อง - รักเขา ก็เลยต้องยอมตามที่เขาต้องการ (=รักต้องยอม) - รักเขา ก็เลยต้องนอนกับเขาในวันวาเลนไทน์ (=วาเลนไทน์กลายเป็นวันเสียตัว) - วาเลนไทน์ คือ วันสะสมแต้ม - วาเลนไทน์ คือ วันที่หนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ แต่ไม่ยอมผูกพัน (= one night stand) นี่คือ ภาพรวมเชิงลบที่เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ ซึ่งได้ยินได้ฟังกันอยู่ทุกปี จนดูเหมือนจะกลายเป็นประเพณีไปเสียแล้วว่า ในวันดังกล่าวเรามักจะได้ยินแต่ข่าวในทางเสียหาย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น วันวาเลนไทน์มีด้านที่ดีงามมากมาย เช่น เมื่อหนุ่มสาวรักกัน - ก็ควรทะนุถนอมดูแลกันและกันเพื่อสร้างอนาคตที่ดีด้วยกัน - เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อทุ่มเทศึกษาหาความรู้จนเป็นบัณฑิตด้วยกัน - เป็นกัลยาณมิตรคอยชักชวนกันและกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เช่น ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข ไม่ขลุกคนพาล ไม่เกียจคร้านการศึกษา ไม่เสียเวลากับเรื่องเหลวไหล ไม่เข้าใกล้ยาเสพติด เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว ก็ควร “รักอย่างมีสติ” กล่าวคือ “รักด้วยสมอง ไม่ปล่อยให้รักขึ้นสมอง” จนหน้ามืด ตามัว ลืมเนื้อลืมตัว ลืมพ่อลืมแม่ ลืมความผิดถูกชั่วดี แต่ควรรักอย่างคนที่มีสติปัญญา ไม่ปล่อยให้ความรักพาให้เสียคน เสียการเรียน เสียการงาน ทุกครั้งที่มีรัก ก็ควรรักอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการชักชวนกันพัฒนาตัวเองให้ดีงามยิ่งๆ ขึ้นไป ความรักอย่างสร้างสรรค์ หมายถึงการพัฒนาความรักให้สูงขึ้นไปกว่าความรักเชิงชู้สาวซึ่งวางรากฐานอยู่บนสัญชาตญาณของการดำรงเผ่าพันธุ์และการเห็นแก่ตัว ไปสู่ความรักที่เหนือกว่าการรักตัวเองขึ้นไปอันได้แก่ความรักมนุษยชาติ รักสิ่งแวดล้อม รักแผ่นดินถิ่นเกิด รักสรรพชีพสรรพสัตว์ จนสามารถมองมนุษยชาติและสรรพสิ่งทั้งมวลในฐานะ “โลกทั้งผองพี่น้องกัน” ซึ่งหากมีทัศนคติเช่นนี้ ก็จะทำให้โลกนี้มีแต่สันติสุข เพราะมองไปทางไหนก็ไม่มีใครที่คู่ควรแก่ความโกรธ เกลียดชิงชัง หากมีแต่ญาติพี่น้องของตนทั้งหมดทั้งสิ้น ความรักที่ลอยพ้นอัตตาของตัวเองเช่นนี้แหละ คือ รักแท้ที่เป็นสากล ซึ่งมนุษย์ทุกคนควรพัฒนาตนไปให้ถึงโดยไม่ต้องรอวันวาเลนไทน์แต่อย่างใด คติธรรมสำหรับคู่รัก ว.วชิรเมธี - จงรักด้วยสมอง แต่อย่ารักจนขึ้นสมอง - ที่ใดมีรัก (อย่างขาดสติ) ที่นั่นมีทุกข์ - ที่ใดมีรัก (อย่างมีสติ) ที่นั่นมีสุข -ความรัก ควรถูกนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน ไม่ใช่เป็นตัวทำลายอนาคต - รักแท้ที่ยั่งยืน ควรวางรากฐานอยู่บนทฤษฎี ๔ ส. กล่าวคือ ๑. สมศรัทธา มีศรัทธาเสมอกัน (เชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งเดียวกัน) ๒. สมศีลา มีศีลเสมอกัน (ไม่นอกใจซึ่งกันและกัน) ๓. สมจาคา มีความเสียสละเสมอกัน (ลืมความเป็นเธอ ลืมความเป็นฉัน หลอม กันเป็นเรา) ๔. สมปัญญา มีปัญญาเสมอกัน (มีระดับสติปัญญาเสมอหรือใกล้เคียงกัน) - อย่ารักจนหน้ามืดตามัว จนมองไม่เห็นหัวกฏเกณฑ์ทางจริยธรรมของสังคม - อย่ารักจนหน้ามืดตามัว กระทั่งมองไม่เห็นหัวของมารดรบิดาบังเกิดเกล้า - ทุกครั้งที่มีความรัก ควรเผื่อใจไว้สำหรับการอกหักที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ - ที่ใดมีรัก ที่นั่น (อาจมีทุกข์) ที่ใดมีกิ๊ก ที่นั่นมีกรรม, ที่ใดมีชู้ ที่นั่นมีช้ำ - ทุกคนที่มีความรัก ควรภาวนาคาถากันน้ำตาไหลที่ว่า “ไม่แน่ ไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีอะไรสมบูรณ์” เอาไว้เสมอ - เลือกคนรักอย่ามองแค่หน้าตา แต่จงพิจารณาไปถึงนิสัย สติปัญญา และคุณธรรม - ผู้ชายจงมองให้เห็นความเป็นแม่ที่มีอยู่ในผู้หญิง ส่วนผู้หญิงจงมองให้เห็นความเป็นพ่อที่มีอยู่ในผู้ชาย - ความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต อย่าอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความรักจนเสียผู้เสียคน - จงเรียนรู้ที่จะพัฒนาความรักจากระดับสามัญไปสู่รักที่สร้างสรรค์เพื่อเกื้อกูลโลก เพราะมนุษย์ทุกคนมีความสามารถที่จะรักได้มากกว่าการรักตัวเอง รักแท้ที่ควรสร้างสรรค์มี ๔ ระดับ คือ ๑. รักตัวกลัวตาย (รักพื้นฐานระดับสัญชาตญาณ) ๒. รักใคร่ปรารถนา (รักอิงกามารมณ์) ๓. รักเมตตาอารี (รักอิงสายเลือดและสายสัมพันธ์) ๔. รักมีแต่ให้ (รักที่ลอยพ้นอัตตา ต้องการพัฒนาทั้งโลกให้มีความสุข)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ