“เจ มาร์ท” ประกาศปี 2550 ปีทองขับเคลื่อนธุรกิจ มือถือ-เช่าพื้นที่-ติดตามหนี้สิน สร้างรายได้ 6,600 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Wednesday February 7, 2007 13:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--บ้านพีอาร์
เจ มาร์ท” ประกาศยุทธศาสตร์ปี 2550 ปีทองขับเคลื่อนธุรกิจเต็มที่สวนกระแสปีหมูไฟ มองวิกฤตเป็นโอกาส ขยายตัวธุรกิจหลัก 3 ด้าน ทั้งมือถือ เช่าพื้นที่ และบริการติดตามหนี้สิน หลังจากปรับโครงสร้างภายในและ บิสซิเนสโมเดลรูปแบบใหม่กว่า 18 เดือน เชื่อมั่นศักยภาพทางธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องต่อไปในอนาคต ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้กว่า 6,600 ล้านบาท กำไร 192 ล้านบาทในปี 2550
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2549 และทิศทางธุรกิจในปี 2550 ว่า หลังจากที่เจ มาร์ท ได้มีการปรับโครงสร้างภายในให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ประกอบกับการพัฒนารูปแบบทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งขึ้นในช่วงระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ มาร์ท มีผลประกอบการที่ดีในช่วงปี 2549 ที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขรายได้รวม 5,100 ล้านบาท และมีผลกำไร 42 ล้านบาท
สำหรับทิศทางและนโยบายทางธุรกิจในปี 2550 นั้น เจ มาร์ท มองว่าปีนี้จะเป็นปีทองที่ เจ มาร์ท จะขับเคลื่อนทางธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการดำเนินธุรกิจในปี 2549 บน 3 แกนธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจการให้เช่าพื้นที่ และธุรกิจบริการเร่งรัดติดตามหนี้สิน ที่จะมีการขยายการเติบโตทั้ง 3 แกนธุรกิจมากยิ่งขึ้นในปีนี้
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจหลักของเจ มาร์ท ที่เป็นรายได้หลัก ยังคงเป็นธุรกิจการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ โดยเจ มาร์ท ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกโทรศัพท์มือถือของประเทศไทย ที่ผ่านมาได้มีการขยายธุรกิจในลักษณะการค้าส่งให้กับร้านค้ารายย่อยต่างๆ ด้วย รวมถึงความร่วมมือกับ ผู้ให้บริการสินเชื่อ และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ทำให้ปัจจุบันมีฐานลูกค้าและพันธมิตรมากกว่า 1,200 ราย
ทั้งนี้เจ มาร์ท ได้เตรียมการปรับขยายธุรกิจในส่วนของการขยายฐานการให้เช่าพื้นที่ให้มากขึ้น หลังจากที่ได้ดำเนินธุรกิจนี้ ภายใต้ชื่อ “ศูนย์ไอทีจังก์ชั่น” ที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8 แห่ง อาทิ บิ๊กซีนครปฐม บิ๊กซีระยอง บิ๊กซีราชดำริ เซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยา เซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่ โฮมโปรบางนา และบีทีเอส ศาลาแดง โดยทุกศูนย์ไอทีจังก์ชั่น มีขนาดตั้งแต่ 500-2,000 ตารางเมตร ได้รับการตอบรับจากผู้เช่าเป็นอย่างดี และทุกศูนย์ประสบความสำเร็จ เจ มาร์ท จึงมีแนวคิดที่จะขยายศูนย์ในลักษณะเช่นนี้ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีสินค้าหลากหลายอย่างครบครัน ภายใต้ชื่อโครงการ “เจ-เวนิว ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์.” แหล่งชอปปิ้งของคนทันสมัย บริเวณด้านหน้านิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งจะมีการเปิดโครงการในกลางปี 2550 นี้
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจการพัฒนาพื้นที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น ในแง่ของรายได้ หลังจากที่ดำเนินงานมา 7-8 ปี ต่อไปการดำเนินธุรกิจทางด้านนี้ในอนาคต หากเป็นโครงการที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่จะใช้ชื่อ “เจ-เวนิว”แต่หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กจะขยายในส่วนของ “ศูนย์ไอทีจังก์ชั่น” แทน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
“นอกจากเจ มาร์ท จะได้รายได้จากการใช้เช่าพื้นที่ที่มากขึ้นในปีนี้ ธุรกิจนี้ยังส่งผลในแง่บวกต่อธุรกิจการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากร้านค้าที่เช่าพื้นที่จะสั่งซื้อสินค้าจากเจ มาร์ท มากขึ้น ทำให้ได้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นด้วย”
ด้านธุรกิจบริการติดตามเร่งรัดหนี้สิน ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เจ มาร์ท เตรียมการขยายธุรกิจ หลังจากที่ธุรกิจนี้เติบโตจนเป็นบริษัทอันดับหนึ่งที่มีมูลค่าหนี้สินใหญ่ที่สุดกว่า 12,000 ล้านบาทให้ติดตามในปี 2549 ที่ผ่านมา ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งสถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทบัตรเครดิต กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อ และกลุ่มบริษัทสื่อสาร ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานประมาณ 500 คน ในการขับเคลื่อนธุรกิจนี้
นายอดิศักด์ กล่าวว่า ในปีนี้เจ มาร์ท มีแผนที่จะเปลี่ยนการบริการติดตามหนี้สินเพียงอย่างเดียว มาเป็นการซื้อหนี้สินที่อยู่ระหว่างการจัดเก็บหนี้จากเจ้าของหนี้มาบริหารเอง ซึ่งขณะนี้ได้มีการบรรลุการซื้อหนี้สินจากบริษัทเช่าซื้อแห่งหนึ่งมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเช่าซื้อรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอีกแห่งหนึ่งในการซื้อหนี้สินมูลค่า 1,000 ล้านบาท
“การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในส่วนบริการเร่งรัดติดตามหนี้สินของเจ มาร์ท จะทำให้ธุรกิจนี้แข็งแกร่งขึ้น มีทิศทางการสร้างรายได้ที่ชัดเจนมากขึ้น”
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2550 นี้ เจ มาร์ท ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 6,600 ล้านบาท และมีผลกำไร 192 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายโทรศัพท์มือถือและการให้เช่าพื้นที่ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% เป็นรายได้จากการให้บริการเร่งรัดติดตามหนี้สิน
นายอดิศักดิ์ กล่าวในท้ายที่สุด ว่า ธุรกิจบน 3 แกนหลักของเจ มาร์ท นี้ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ การให้เช่าพื้นที่ และบริการเร่งรัดติดตามหนี้สิน ถือเป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ไม่เหมือนกับผู้ประกอบการรายใด เป็นการดำเนินธุรกิจบนประสบการณ์ความชำนาญทางธุรกิจนับ 10 ปีของเจ มาร์ท ซึ่งทั้งหมดจะทำให้เห็นได้ว่า เจ มาร์ท มีการเติบโตที่มากขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อไป และถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ต้องจับตามองในอนาคต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณศิริวรรณ ศรีบุณยาภิรัต
โทร 02-308-8090
Email :siriwan@jaymarts.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ