ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 8, 2011 16:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--ก.ล.ต. ก.ล.ต. มีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อให้สมาชิกกองทุนสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และเป็นการรองรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีหลายนโยบายการลงทุน โดย 1) ให้บริษัทจัดการคำนวณอัตราส่วนการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีหลายนโยบายการลงทุน (master fund) แยกตามรายนโยบายการลงทุน (sub fund) แทนการคำนวณตามรายกองทุนในทุกกรณี โดยรวมถึงกรณีลงทุนในทรัพย์สินของนายจ้างหรือบริษัทในเครือของนายจ้างด้วย2) จำกัดการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่เป็นนายจ้างให้ไม่เกิน 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และต้องไม่เกิน 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของแต่ละกองทุนรวมภายใต้การจัดการของนายจ้างรายเดียวกัน 3) แก้ไขนิยามของ “บริษัทในเครือของนายจ้างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ให้หมายถึงบริษัทใหญ่และบริษัทย่อยตามมาตรฐานการบัญชีที่ สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงินรวม 4) อนุญาตให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถลงทุนในกลุ่มทรัพย์สินทางเลือก (alternative investment) ซึ่งได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และตราสารที่อ้างอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ประเภทใดประเภทหนึ่งหรือรวมกันไม่เกิน 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของแต่ละกองทุน 5) อนุญาตให้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียว (pure asset) ได้ โดยบริษัทจัดการต้องคุมอัตราส่วนการลงทุนตามรายสมาชิก 6) บริษัทจัดการต้องลงทุนในทรัพย์สินที่กำหนดและมีการกระจายความเสี่ยงไม่ต่ำกว่าอัตราส่วนการลงทุนที่กำหนด ไม่ว่าเป็นการลงทุนทางตรงหรือทางอ้อม และ 7) บริษัทจัดการต้องประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงและให้คำแนะนำที่เหมาะสม (suitability) แก่สมาชิกแต่ละราย ที่มีทางเลือกในการลงทุน (employee’s choice) หากสมาชิกเลือกลงทุนในนโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำน้อยกว่า 50% ของมูลค่าเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของตนเอง (นโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำหมายถึงนโยบายที่มีการลงทุนในเงินสด หรือตราสารหนี้ที่ไม่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน) ในการนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้จากเอกสารรับฟังความคิดเห็นและร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) หรือทางโทรสารหมายเลข 0-2263-6337หรือทาง e-mail thaipvd@sec.or.th ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2554

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ