ไทยพร้อมเปิดประตูเชื่อมสัมพันธ์ต้อนรับโลกมุสลิมเข้าลงทุน จัดงาน World of Muslim 2007 อย่างยิ่งใหญ่

ข่าวทั่วไป Monday August 20, 2007 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
สสปน. ผนึกพลังจับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย - มุสลิม และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมจัดงาน “World of Muslim 2007” ครั้งแรกของประเทศไทย วันที่ 7 -9 กันยายน 2550 ในการจัดประชุมสัมมนาและงานแสดงสินค้าเพื่อโชว์ศักยภาพความพร้อมเต็มสูบของผู้ประกอบการไทยและขยายโอกาสการค้าการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยและมุสลิมพร้อมกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตั้งแต่ระดับรัฐบาล เอกชน จนถึงรากหญ้า นำไปสู่ความสัมพันธ์อันยั่งยืนในทุกด้าน
นายขวัญชัย โหมดประดิษฐ์ รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการขยายการค้าและการลงทุนกับกลุ่มประเทศมุสลิมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง จึงเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของภาคธุรกิจตลอดจนเป็นการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไมซ์ ( MICE ) ของประเทศให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มประเทศมุสลิม ดังนั้น สสปน.จึงร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย - มุสลิม TITIA (Thai-Islamic Trade and Industrial Association) และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน “World of Muslim 2007” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7-9 กันยายน 2550 ณ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือและโอกาส ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดจนการเผยแพร่วัฒนธรรมกับกลุ่มประเทศมุสลิม รวมทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ตั้งแต่ระดับภาครัฐ และเอกชน ไปจนถึงประชาชนในระดับรากหญ้า นอกจากนี้ยังเป็น
การสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติ และชาวมุสลิม เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามของผู้ประกอบธุรกิจไทย ที่จะนำไปสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างประเทศทางด้านการค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวที่สำคัญ การจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการแสดง
ศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในความเป็นมืออาชีพในการจัดประชุมระดับสากล )International Convention) และการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) เพื่อดึงดูดนักธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายไมซ์ จากประเทศมุสลิมอีกด้วย นายขวัญชัยกล่าวต่อไปว่า
“การจัดงานครั้งนี้ประกอบด้วยกิจกรรม 2 ส่วน คือ การจัดประชุมสัมมนา The 2nd International Islamic Economic, Cultural and Tourism Conference in Thailand 2007 ซึ่งเป็นการจัดประชุมประจำปีของสมาชิกประเทศมุสลิมว่าด้วยเรื่อง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศมุสลิม และอีกกิจกรรมหนึ่ง คือ งานแสดงสินค้า World of Muslim Trade & Exhibition ซึ่งเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องจากประเทศไทย ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสอันดีที่นักธุรกิจไทยจะเปิดโลกทัศน์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ค้าที่มาจากกลุ่มประเทศมุสลิมเพื่อความเข้าใจในกฏระเบียบด้านการทำธุรกิจกับประเทศมุสลิม ทั้งยังจะได้แลกเปลี่ยนถ่ายทอดประสบการณ์องค์ความรู้ และมุมมองทางการค้า การจับคู่เจรจา สร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการส่งออกและร่วมฟังสัมมนาในหัวข้อที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจฮาลาล จากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งจากประเทศไทยและนานาชาติที่ครบครัน”
นายขวัญชัยย้ำว่า “งานนี้ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมแล้วที่จะเปิดประตูการค้าสู่ประเทศมุสลิม นับเป็นการจุดประกายให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับรัฐบาล เอกชน จนถึงระดับรากหญ้า ด้วยการที่ประเทศไทยมีหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและเทคโนโลยีอย่าง ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในขณะเดียวกันประเทศไทยเองก็มีธุรกิจที่พร้อมสำหรับการลงทุนของชาวมุสลิม อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ การเงิน และอาหาร รวมทั้งยังมีหน่วยงานของมุสลิมที่ให้การสนับสนุนการลงทุน เช่น ธนาคารอิสลาม และกองทุน Sakad ที่รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน”
ส่วนนายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการงานแสดงสินค้า หอการค้าไทย กล่าวว่า “หอการค้าไทยได้ริเริ่มโครงการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้า“World of Muslim 2007” ขึ้น ซึ่งเป็นงานที่ต่อยอดมาจากงานแสดงสินค้า THAIFEX-World of Food ASIA โดยมองเห็นถึงศักยภาพของตัวสินค้าที่เกี่ยวกับฮาลาล โดยเฉพาะมาตรฐานการรับรองฮาลาล ของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติในมาตรฐานการผลิตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิม อันจะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายทางการค้า และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยมีแนวคิดที่จะผลักดันให้ประเทศไทย เป็นผู้นำ
ทางด้านการผลิตและการส่งออกอาหารฮาลาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนยังเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการบุกเบิกตลาดสินค้าฮาลาล จะได้แสดงศักยภาพ สร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิต สู่สายตาชาวต่างประเทศต่อไป”
หอการค้าไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน “World of Muslim 2007” จะเป็นเวทีการค้าสำคัญ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่นักธุรกิจที่เข้าชมงานได้ประจักษ์ และสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิต เป็นโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ๆ อันจะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ ผู้เข้าร่วมงาน ผู้เข้าชมงาน จะได้รับทราบข้อมูลทางการค้า การตลาด และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิม มากขึ้นจากการจัดประชุมสัมมนา ในงานแสดงนิทรรศการในครั้งนี้” นายฉัตรชัยกล่าว
ทางด้านนายอนิรุทธิ์ สมุทรโคจร นายกสมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-มุสลิม กล่าวว่า ในส่วนของสมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-มุสลิม และ ICCI, Islamic Chamber of Commerce & Industry ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ และภาพลักษณ์รวมทั้งความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศมุสลิม จึงได้เน้นให้ความสำคัญกับการประชุมเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจนสำหรับผู้ที่สนใจในการฟังการบรรยาย โดยคาดว่าในครั้งนี้จะมีสมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมจากสามาชิก OIC-ICCI จำนวน 57 ประเทศ
ในการประชุมในครั้งนี้วันแรกจะจัดในรูปแบบ Thailand Day โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชียวชาญในส่วนของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการรองรับการลงทุนและร่วมมือกัน ทางด้านต่างๆ เช่น Halal Product, Medical, Tourism ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานสามารถรับฟังการนำเสนอข้อมูลทั้งในส่วนของประเทศไทยและในส่วนของ OIC-ICCI ได้
ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน คณบดี คณะสหเวชศาสตร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล และผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจผลิตภัณฑ์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แนวโน้มของการของการเติบโตของตลาดมุสลิมในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกปี จากปี 2000 -2006 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.47% สร้างรายได้ประมาณ 11,052 ล้านบาท/ปี สำหรับการส่งออกในส่วนของสินค้าประเภทอาหารนั้น ไทยมีการส่งออกเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ส่วนสินค้าอาหารที่ประเทศไทยส่งออก ในปี 2006 ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดอาหารฮาลาล ประมาณ 330 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 0.057% ซึ่งยังเป็นช่องว่างที่ประเทศไทยยังสามารถส่งออกไปได้เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศมุสลิม เนื่องจากอาหารฮาลาลนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงโลกของมุสลิมเท่านั้น ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมก็สามารถรับประทานทานได้ ปัจจุบันตลาดใหญ่ของอาหาร ฮาลาลอยู่ที่ อียู และสหรัฐอเมริกา
“ปัจจุบันประชากรมุสลิมมีอยู่ในโลกประมาณ 1,900 ล้านคน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการขยายตัวเร็วมาก โดยเพิ่ม 2 - 3 เท่า มากกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะขยายการค้ากับกลุ่มประเทศเหล่านี้ โดยต้องมีความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจฮาลาลอย่างแท้จริง เนื่องจากฮาลาล ยังครอบคลุมกว้างขวางไปถึงโรงงาน ร้านอาหาร ภัตตาคาร การท่องเที่ยว เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม การเงิน การศึกษา ฯลฯ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องกระตุ้นให้นักธุรกิจไทยร้อยละ 99% ที่ไม่ใช่มุสลิม เห็นโอกาสของฮาลาล มากขึ้น และจุดแข็งของประเทศไทยคือ การที่มีศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ซึ่งเป็นศูนย์แห่งแรกของโลกที่ดำเนินการในด้านนี้ สำหรับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ของไทย สามารถให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุม อาทิ การจัดวางระบบในเรื่องการคิด การจัดวางระบบเอกสาร การจัดการ ที่เหมาะกับแต่ละองค์กร การวางระบบการจัดการด้าน logistic ให้ถูกต้องตามหลักฮาลาล “
งาน World of Muslim 2007 นับเป็นเวทีสำหรับการประชุมและการแสดงสินค้าที่สำคัญงานหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจไทยในการแสดงศักยภาพและความพร้อม รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับกลุ่มประเทศมุสลิม โดยในส่วนของการแสดงสินค้านั้น จะมีสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 200 รายที่ร่วมออกบูธเพื่อแสดงสินค้า Halal นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมสัมมนาย่อยที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยการสนับสนุนจาก Organization of the Islamic Conference (OIC) และ Islamic Chamber of Commerce and Industry (ICCI) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเป็นสื่อกลางการเจรจาการค้าและธุรกิจ วัฒนธรรม ของกลุ่มประเทศมุสลิมที่มีสมาชิก 57 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานดังกล่าวประมาณกว่า 15,000 คน และจะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศประมาณ 400 ล้านบาท
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.)
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) คือองค์กรของภาครัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา ออกโดยพระราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2545 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการได้เริ่มเปิดทำการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนและประสานงานด้านการจัดการประชุม การจัดงานเพื่อเป็นรางวัล การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งมักเรียกโดยรวมเป็นคำย่อว่า ‘MICE’ มีที่มาจากการจัดประชุม การจัดงานเพื่อเป็นรางวัล การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการในประเทศไทย การจัดตั้งสสปน.ขึ้นมานี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเติบโตของไทยในการเป็นตัวเลือกหนึ่งของสถานที่จัดงานประชุมงานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.)
คุณปาริฉัตร เศวตเศรนี
โทร 0-2694-6000 Ext. 6091 หรือ 08-1840-4701
อีเมล์l: parichat_s@tceb.or.th
คุณอริสรา ธนูแผลง โทร 0-2694-6000 ต่อ 6092 หรือ 08-1561-4745
อีเมลล์ : arisara_t@tceb.or.th
เจดับบลิวที ประเทศไทย:
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
คุณวงจันทร์ ตั้งทรงศักดิ์
โทร. 0-2204-8221 หรือ 08-9127-2089
อีเมล์l: wongchan.tangsongsak@jwt.com
คุณญาดา ศรีสัมมาชีพ โทร. 0-2204-8214 หรือ 08-4640-0058
อีเมล์ : yada. srisammasheep/BKK/JWT
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ