บลจ.บัวหลวงมองหุ้นจีนถึงเวลาลงทุนส่งบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ ชัดเจนกับโอกาสสร้างผลตอบแทน 15% ภายใน 18 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 9, 2011 16:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--บลจ.บัวหลวง บลจ.บัวหลวง เสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% ระหว่างวันที่ 9-18 พฤษภาคมนี้ เชื่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้มีการกระจายรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้การบริโภคภายในประเทศมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เล็งปัจจุบันเป็นจังหวะน่าลงทุน เพราะตลาดหลักทรัพย์จีนรับรู้ปัจจัยลบจากการดำเนินมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อที่ผ่านมา นอกจากนี้ระดับดัชนีหลักทรัพย์จีนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ขณะเดียวกับนักวิเคราะห์ส่วนมากเชื่อ GDP จีนยังคงเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 9 ในสองปีข้างหน้า นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบัน GDP ของประเทศจีนปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับสองของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย GDP เฉลี่ยระหว่างปีพ.ศ. 2532 ถึงปีพ.ศ. 2553 อยู่ที่ระดับร้อยละ 9.3 ต่อปี การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ผ่านมาเกิดจากแรงผลักดันของการส่งออก โดยในช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2543 ถึงปีพ.ศ. 2551 ปริมาณการส่งออกของประเทศจีนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20.5 ขณะที่ภาครัฐเองก็มีการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคคิดเป็นเม็ดเงินสูงถึงประมาณร้อยละ 40 ของ GDP ปัจจัยข้างต้นผลักดันให้รายได้ประชาชาติต่อหัวของคนจีนในช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2537 — 2552 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 14 ตามที่ประเทศจีนจะเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมซึ่งจากเดิมกระจุกตัวอยู่บริเวณเมืองท่าชายฝั่งเข้าสู่ภาคตะวันตกและภาคกลางของประเทศ ผลจากแผนดังกล่าวจะทำให้เกิดการขยายตัวของเขตเมืองเพิ่มขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้ อันนำมาสู่พลังการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยนักวิเคราะห์คาดว่า GDP ของประเทศจีนในปีพ.ศ. 2554 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 9.80 ปีพ.ศ. 2555 อยู่ที่ร้อยละ 9.50 นายพีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันน่าจะเป็นจังหวะการเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีน เนื่องจากดัชนีหลักทรัพย์ของประเทศจีนรับรู้ปัจจัยลบจากมาตรการคุมเข้มราคาอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการทางการเงินในการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันค่า P/E จากการคำนวณ ณ วันที่ 13 เมษายน อยู่ที่ประมาณ 15.01 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งคำนวณระหว่างวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2549 — 12 เมษายน พ.ศ. 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 20.55 เท่า โดยในช่วงเวลาเดียวกันค่า P/E ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 10.89 เท่า และสูงสุดอยู่ที่ระดับ 43.18 เท่า กองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% (ChinaTrigger) จะลงทุนในกองทุนรวม ETF ของ iShares ที่อ้างอิงดัชนี China Securities Index 300 (CSI-300) หรือดัชนีรายภาคอุตสาหกรรมของดัชนี CSI-300 เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มการเงิน และกลุ่มวัตถุดิบอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์และหาโอกาสเลือกลงทุนในอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมาย 15% ภายใน 18 เดือน กองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% สามารถเลิกกองทุนได้ก่อน 18 เดือน หากสร้างผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่า 15% กองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% นี้จะเสนอขายครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 9-18 พฤษภาคมนี้ โดยมีมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนเป้าหมายในเงื่อนไขของการเลิกกองทุนก่อนกำหนด มิได้เป็นการรับประกันผลตอบแทนว่าผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนตามนั้น ในกรณีที่กองทุนอายุครบ 18 เดือนแล้ว แม้ว่าผลตอบแทนจะไม่ได้ตามเป้าหมาย กองทุนก็จะทำการขายคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนตามมูลค่าหน่วยลงทุนในขณะนั้น โดยเงินที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนจะมากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนได้ สำหรับท่านนักลงทุนที่ต้องการข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามหรือขอข้อมูลการลงทุนได้ที่สาขาธนาคารกรุงเทพ โทร.1333 หรือบลจ. บัวหลวง จำกัด โทร. 0 2674 6488 กด 8 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ