กพช. เห็นชอบ บมจ.กฟผ. เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 8,000 ล้านหุ้น พร้อมเตรียมเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนและนักลงทุนทั่วไปกลางเดือนพฤศจิกายน 48

ข่าวทั่วไป Friday August 26, 2005 12:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--สนพ.
กพช. เห็นชอบ บมจ.กฟผ. เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 8,000 ล้านหุ้น พร้อมเตรียมเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนและนักลงทุนทั่วไปกลางเดือนพฤศจิกายน 48 โดยกำหนดให้ บมจ.กฟผ. เป็นผู้ผลิตไฟฟ้า 50% ของกำลังผลิตไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ในระหว่างปี 2554-2558 เพื่อสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เปิดเผยว่า การประชุม กพช. วันที่ 25 สิงหาคม 2548 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนระดมทุนของ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) (บมจ.กฟผ.) โดยให้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,000 ล้านหุ้น จาก 6,000 ล้านหุ้น เป็น 8,000 ล้านหุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้มีการจองจากประชาชนทั่วไปและนักลงทุน รายย่อยได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2548 และกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญและ การจัดสรรหุ้นได้ในกลางเดือนพฤศจิกายน 2548 ตามกำหนดการที่วางไว้
ทั้งนี้ กรอบของโครงสร้างการเสนอขายหุ้น รัฐจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด และจะมีการเสนอขายให้แก่นักลงทุนร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด แบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนและนักลงทุนในประเทศ ร้อยละ 70 และ นักลงทุนต่างประเทศร้อยละ 30 ของหุ้นที่เสนอให้แก่นักลงทุนทั่วไป รวมถึงการจัดสรรหุ้นจำนวนหนึ่งให้แก่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในราคาที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป
นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมให้เป็นไปตามนโยบายการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าและการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า ที่ประชุมยังเห็นควรให้ บมจ. กฟผ. เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ในการปรับโครงสร้างสร้างกิจการไฟฟ้ารูปแบบ Enhanced Single Buyer และแนวทางการกับดูแลกิจการไฟฟ้า ในการแยกระบบบัญชี (Account Unbundling) ระหว่างกิจการผลิตและกิจการระบบส่งไฟฟ้า ตลอดจนจัดทำกระบวนการแบ่งขอบเขตงาน (Ring Fence) ของศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า (System Operator) เพื่อสร้างความโปร่งใสและส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2548 พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) หรือองค์กรกำกับดูแลที่จะจัดตั้งทราบเป็นระยะๆ
ขณะเดียวกัน เนื่องจาก บมจ.กฟผ. จะยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลแข่งขันการผลิตไฟฟ้ากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (IPP) รอบใหม่หลังปี 2553 เพราะภายใต้ระบบปัจจุบัน บมจ. กฟผ. ยังเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจผลิตไฟฟ้า (Generation) ธุรกิจระบบส่ง (Transmission) และดูแลศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า (System Operator) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกัน ที่ประชุมจึงเห็นชอบการจัดสรรกำลังการผลิตให้กับ บมจ. กฟผ. จำนวนร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตใหม่ทั้งหมด ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2554-2558 เพื่อรักษาความมั่นคงและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ซึ่งการดำเนินดังกล่าว จะทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า เพราะ บมจ. กฟผ. สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในพื้นที่เดิมได้ ทั้งนี้ ต้องมีราคาค่าไฟฟ้าที่ไม่แพงกว่าผู้ผลิตไฟฟ้า IPP
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าใหม่ที่ บมจ. กฟผ. ได้รับการจัดสรรกำลังผลิตใหม่ร้อยละ 50 และ โรงไฟฟ้าใหม่ที่ได้รับการอนุมัติก่อนหน้านี้จำนวน 4 โรง ได้แก่ โรงไฟฟ้าสงขลา ชุดที่ 1 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ชุดที่ 3 โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 และโรงไฟฟ้าบางประกง ชุดที่ 5 จะต้องมีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในลักษณะเดียวกับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน และปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านเทคนิค (IPP Grid Code) เช่นเดียวกับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนทั่วไป
นอกจากนี้ เพื่อให้ บมจ.กฟผ. สามารถประมาณการรายได้ และชี้แจงต่อนักลงทุนในการเสนอขายหุ้น ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า โดยกำหนดให้มีค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เหมือนกับรูปแบบปัจจุบัน แต่ให้มีการปรับปรุงสูตร Ft ใหม่ โดยมีองค์ประกอบหลักเพียงค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่เปลี่ยนไปจากค่าไฟฟ้าฐานเท่านั้น โดยจะมีการกำกับดูแลค่า Ft ให้มีการส่งผ่านค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้า--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ