กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. พร้อมด้วยสมาคมผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนร่วมสร้างค่านิยมใหม่ให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าในตลาดทุนไทย โดยส่งเสริมให้ผู้ลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ให้ความสำคัญกับการรู้จักตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยการทำแบบสอบถามประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยง ผลที่ได้จะบอกว่าผู้ลงทุนเหมาะสมกับสินค้าประเภทใดบ้าง เพื่อให้ผู้ขายสามารถให้คำแนะนำและเสนอขายสินค้าที่เหมาะสมแก่ผู้ลงทุน ขณะที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตนอย่างแท้จริง หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงด้วยการทำ suitability test เป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งในต่างประเทศกำหนดไว้เป็นหลักเกณฑ์ให้ผู้ขายต้องจัดให้ผู้ลงทุนทำก่อนซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งแรกเช่นเดียวกับของไทย ที่ผ่านมาการที่ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลของสินค้าทางการเงินทำให้ได้ ‘รู้เขา’ คือรู้จักผู้ออกสินค้า บริษัทที่จะลงทุน หรือลักษณะของสินค้าที่จะลงทุน และเมื่อมีการนำแบบประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงมาใช้ จะทำให้ผู้ลงทุนได้ ‘รู้เรา’ หรือรู้จักตนเองเพิ่มขึ้นมา ทำให้รู้ว่าเหมาะกับการลงทุนในสินค้าประเภทใดช่วยลดปัญหาการลงทุนผิดพลาด หรือลงทุนในสิ่งที่ตนไม่รู้จัก
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงทุนและผู้ขายสินค้าโดยสมาคมผู้ประกอบธุรกิจและ ก.ล.ต. ได้ร่วมกันออกแบบคำถามมาตรฐานให้ผู้ประกอบธุรกิจใช้เป็นแนวทาง ส่วนทางด้านผู้ประกอบธุรกิจก็ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยจัดวิธีการให้ผู้ลงทุนตอบแบบสอบถามได้สะดวกและประหยัดเวลา ซึ่งผู้ลงทุนควรให้ความร่วมมือในการทำแบบสอบถาม
ไม่ควรเห็นว่าเป็นภาระหรือเสียความเป็นส่วนตัว เนื่องจากประโยชน์ที่ได้รับจะมีมากกว่า
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การทำ suitability test เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ เพราะจะทำให้ทราบถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้า จึงสามารถให้คำแนะนำที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยง รวมทั้งมีข้อมูลที่จะนำไปพิจารณาออกสินค้าให้ตอบรับความต้องการของผู้ลงทุน ทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกที่ตรงกับความต้องการและการจัดการการลงทุนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการเสริมสร้างการพัฒนาตลาดทุนให้มีเสถียรภาพ มีความสมดุล และมีความมั่นคงต่อไป
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ผู้ขายควรให้ความสำคัญกับการรู้จักลูกค้าของตน โดยเฉพาะเรื่องความสามารถในการรับความเสี่ยงในการลงทุน เปรียบเสมือนเป็นการตรวจเช็คสุขภาพของลูกค้า เพื่อที่จะได้ให้คำแนะนำและเสนอขายหลักทรัพย์ได้เหมาะสม เพราะการลงทุนในหลักทรัพย์มีความเสี่ยงสูง หากลูกค้าลงทุนไปโดยไม่รู้ว่าหลักทรัพย์นั้นเหมาะสมกับตนหรือไม่เมื่อประสบผลขาดทุนมักจะรับไม่ได้ ผิดหวัง และเข็ดกับการลงทุน จึงขอเรียนผู้ลงทุนว่า การทำแบบสอบถามนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนแต่อย่างใด บริษัทหลักทรัพย์แต่ละแห่งพยายามปรับรูปแบบคำถามให้เข้าใจง่ายและตรงกับลักษณะการลงทุนของลูกค้า และหากว่าผลการประเมินที่ได้ไม่สอดคล้องกับประเภทตราสารที่ต้องการลงทุน ผู้ลงทุนก็ยังสามารถลงทุนได้ โดยต้องทำความเข้าใจและรับทราบ
ความเสี่ยงของตราสารนั้นจากผู้ขายก่อนลงทุน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมกองทุนรวมของไทยมีพัฒนาการและเติบโตอย่างรวดเร็ว กองทุนรวมที่ออกมาในระยะหลังมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมเป็นการมอบเงินให้มืออาชีพบริหารให้ แต่ผู้ลงทุนเองก็ต้องรู้ถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงของตน เพื่อเลือกลงทุนในกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงเหมาะสม
และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุน หากผู้ลงทุนยืนยันที่จะลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงในระดับที่สูงกว่าการประเมินผลจากแบบสอบถามก็สามารถทำได้ โดยจะต้องลงนามเพื่อรับรองว่าได้รับคำแนะนำและรับทราบความเสี่ยงดังกล่าว ขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่งเริ่มให้ลูกค้าทำแบบสอบถามบ้างแล้ว โดยแต่ละบริษัทพยายามที่จะให้ขั้นตอนการทำแบบสอบถามสะดวก ผู้ลงทุนสามารถประมวลผลได้เอง รวมทั้งยังมีแนวคิดต่อไปที่จะรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกมากขึ้นหากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เคยให้ไว้
นางรัชนี นพเมือง ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม พร้อมไปกับการสนับสนุนให้ผู้มีเงินออมเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตน กองทุนรวมไม่ใช่เงินฝากธนาคาร มีโอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก แต่ก็มีระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่แตกต่างกันตามนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน การที่ผู้ลงทุนให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนไว้กับผู้ขาย จะทำให้ผู้ขายของธนาคารสามารถเสนอขายกองทุนรวมที่เหมาะสมกับผู้ลงทุน ปัญหาการเสนอขายกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงเกินไปจะลดลง เนื่องจากผู้ขายต้องอธิบายถึงความเสี่ยงที่สูงเกินระดับที่ผู้ลงทุนรับได้ให้ผู้ลงทุนเข้าใจและผู้ลงทุนต้องลงนามรับทราบความเสี่ยง ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือจากผู้ลงทุนในการทำแบบสอบถาม ซึ่งจะได้ประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงทุนและเจ้าหน้าที่ผู้ขายหน่วยลงทุน
นายมงคล ลีลาธรรม นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า ผู้ลงทุนควรให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลของผู้ลงทุนที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน เพื่อได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ลงทุน และตอบแบบสอบถามเพื่อประเมินระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตน เพราะการรู้จักความสามารถในการรับความเสี่ยงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการรู้จักตัวสินค้าทางการเงิน
หรือหลักเกณฑ์การลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการทำแบบสอบถาม แต่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากผลประเมินที่ได้รับ เป็นการสร้างโอกาสในการแสวงหาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คาดหวังไว้ และลดโอกาสการขาดทุนในระดับเกินกว่าที่รับได้