กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--ปภ.
กรมป้องกันฯ จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักในระยะนี้ อาจทำให้เกิดดินโคลนถล่ม ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนไปแล้ว 1,771 หมู่บ้าน และเครื่องไซเรนมือหมุน 1,512 หมู่บ้าน จัดอบรมสร้างมิสเตอร์เตือนภัย จำนวน 6,898 คน ประสานแจ้งชาวบ้านทันทีที่เกิดดินโคลนถล่ม ตลอดจนจัดทีมกู้ชีพ กู้ภัยประจำตำบลใน 200 ตำบลที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มสูง เพื่อให้มีทักษะในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สภาพอากาศในช่วงนี้ค่อนข้างแปรปรวน เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยธรรมชาติอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้พร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลา พร้อมนำเครื่องวัดปริมาณน้ำฝน และไซเรนมือหมุนไปติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง และปานกลาง หมู่บ้านละ 1 เครื่อง โดยขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนไปแล้ว 1,771 หมู่บ้าน เครื่องไซเรนมือหมุน 1,512 หมู่บ้าน รวมทั้งจัดอบรมสร้างเครือข่ายอาสาสมัครแจ้งเตือนภัยดินถล่มประจำหมู่บ้าน หรือ มิสเตอร์เตือนภัย ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง และปานกลาง เพื่อให้ทำหน้าที่ประสานงานเฝ้าระวังติดตามตรวจวัดระดับน้ำ ปริมาณน้ำฝน และแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย จำนวนหมู่บ้านละ 2 คน ขณะนี้ มีมิสเตอร์เตือนภัยประจำหมู่บ้านแล้ว จำนวน 6,898 คน ซึ่งคาดว่าทุกหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก จะมีมิสเตอร์เตือนภัย ครบทั้ง 6,215 หมู่บ้าน ภายในปี 2551 นี้อย่างแน่นอน
นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม กรมป้องกันฯ ได้จัดโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งทีมกู้ชีพกู้ภัย โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่บ้านเสี่ยงดินโคลนถล่มสูง ตำบลละ 10 คน จำนวน 200 ตำบล รวม 2,000 คน เพื่อพัฒนาให้ชุมชนมีทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบลที่มีความรู้ ความสามารถและทักษะในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมกู้ชีพกู้ภัย ตลอดจนประสานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณในการจัดหาและซ่อมแซมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีที่เกิดภัย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากเหตุภัยพิบัติแล้ว ยังก่อให้เกิดเครือข่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างชุมชน หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม ควรหมั่นสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากพบว่า มีฝนตกหนักติดต่อกัน ระดับน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำเปลี่ยนสี หรือมีสีขุ่น ให้รีบอพยพขึ้นที่สูง หรือออกนอกพื้นที่อย่างรวดเร็ว อย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สิน ให้รีบอพยพขึ้นที่สูงที่ปลอดภัย หากพลัดตกน้ำ หรืออยู่ในน้ำ ให้หาต้นไม้ขนาดใหญ่เกาะไว้ และพยายามปีนขึ้นให้พ้นน้ำ ห้ามว่ายน้ำหนีเพราะอาจกระแทกกับซากต้นไม้ หรือหินที่ไหลมาตามน้ำ สุดท้ายนี้ หากประชาชนในพื้นที่ใดประสบความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วน ปภ. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยเร่งด่วนต่อไป