กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ตลท. รมว.คลัง ให้เกียรติร่วม ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทชั้นนำ เปิดเวทีนำเสนอแนวทางการพัฒนาองค์กรและการพัฒนาตลาดทุนต่อบริษัทจดทะเบียน และบริษัทชั้นนำของประเทศ ในงาน“Top Executives’ Networking Forum 2007 : Listing…Once for All” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนร่วมนำเสนอ มุมมองการใช้ประโยชน์จากตลาดทุน และเห็นว่ายังเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญ รวมทั้ง ช่วยส่งเสริมมาตรฐานและ ภาพลักษณ์ของบริษัท เผยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นแรงจูงใจสำคัญ ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงในตลาดทุนและบริษัทชั้นนำของประเทศเกือบ 80 คนจาก 37 บริษัทได้เข้าร่วมงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติเป็นประธานในงาน “Top Executives’ Networking Forum 2007 : Listing…Once for All” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกล่าวว่ากระทรวงการคลังเห็นความสำคัญของตลาดทุน และได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ โดยลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ เหลือร้อยละ 25 และตลาดเอ็มเอไอเหลือร้อยละ 20 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้บริษัทมีแหล่งระดมทุนที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงการคลังก็เตรียมที่จะนำบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมี Market Cap. รวมกันประมาณ 60,000 ล้านบาท เข้าจดทะเบียนและซื้อขายภายในปี 2551 นอกจากนี้ ยังเห็นว่าปี 2551 เศรษฐกิจน่าจะโตประมาณร้อยละ 5 แม้ว่าจะมีรัฐบาลผสมที่อาจทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ภาคเอกชน จะมีความแข็งแกร่ง สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ๆ ได้ นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “งาน “Top Executives’ Networking Forum 2007 : Listing…Once for All” ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยผู้บริหารที่เข้าร่วมงานครั้งนี้จำนวน 37 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียน 12 บริษัท และบริษัทชั้นนำที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียน 25 บริษัท ซึ่งรวมแล้วมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) สูงถึงประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 29 ของ Market Cap. ของตลาด หรือประมาณร้อยละ 23 ของจีดีพี นางภัทรียา เบญจพลชัย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นเวทีสำหรับผู้บริหารตลท.และองค์กรในตลาดทุนได้ทราบความคิดเห็นของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาองค์กรและตลาดทุนต่อไป โดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียน ให้ความสำคัญต่อการขยายธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากตลาดทุน และเห็นว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดทุน ช่วยส่งเสริมให้บริษัทมีมาตรฐานและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งจูงใจในการเข้ามา จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ เรื่องของการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการจ่ายภาษีในอัตราที่น้อยกว่าบริษัทนอกตลาด นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังช่วยทำให้บริษัทสู่ความเป็นสากล โดยมีระบบบัญชีที่ดี ลดการค้ำประกันส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยบริษัทในเรื่องการต่อรองกับสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมีบริษัทในเครือถึง 18 บริษัทจดทะเบียนในตลท. นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้รับประโยชน์จากการเป็นบริษัทจดทะเบียน คือ ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ของบริษัทเพิ่มขึ้น ดังนั้นการที่บริษัทมีเพิ่มมูลค่าก็ส่งผลดีประชาชนของประเทศ ด้วยเนื่องจากกระทรวงการคลังถือหุ้นปตท. นอกจากนี้ ปตท.ยังนำเงินจากการระดมทุนไปใช้คืนเงินกู้ ซึ่งทำให้สภาพการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น และยังนำเงินไปช่วยบริษัทย่อยของปตท.ด้วย นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า BBL เป็น 1 ใน 5 บริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยได้มีการระดมเงินเพื่อนำไปขยายกิจการ และที่ผ่านมาธนาคารได้ใช้วิธีการเพิ่มทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ถึง 3 ครั้ง ทำให้ธนาคารฝ่าวิกฤติมาได้ นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ มีข้อแนะนำในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ฯในการออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ว่าควรมีการเผื่อเวลาให้บริษัทได้เตรียมตัวก่อนจะประกาศใช้ และควรมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทจดทะเบียนด้วย รวมทั้ง ควรส่งเสริมให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มประสิทธิภาพ ศักยภาพ และความเข้มแข็งให้มากขึ้น