กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกองบริหารกองทุนและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ จัด“การประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามประเมินผลและถอดบทเรียนโครงการที่ได้รับเงิน กองทุนส่งเสริมการจัดสวสัดิการสังคม ประจำปี ๒๕๕๔”ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เพื่อติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับอุดหนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม และเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดบทเรียนโครงการเพื่อนำไปเป็นโครงการต้นแบบ โดยมีนางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๑.๐๐ น.ณ โรงแรมอะเดรียติค พาเลซ กรุงเทพฯ
นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กองทุนที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อหนุนเสริมงานต่างๆ ในประเทศไทย มีจำนวน ๖๘ กองทุน เป็นกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จำนวน ๕ กองทุน ได้แก่ กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ กองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ.๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ๒)พ.ศ.๒๕๕๐ เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการสังคมตามกฎหมาย ให้แก่องค์การสวัสดิการสังคม รวมทั้งการให้บริการด้านสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยมีการกระจายเงินกองทุนไปยังภูมิภาคและท้องถิ่น จึงเป็นกองทุนที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีกระบวนการติดตามประเมินผลและถอดบทเรียนเพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขยายการดำเนินงานได้ต่อไป
นางนภา กล่าวต่อว่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล จำนวนทั้งสิ้น ๗๗๐ ล้านบาท และตั้งแต่ปี ๒๕๔๙-๒๕๕๔ มีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ จำนวน ๕,๓๖๓ โครงการ จำนวน ๔,๙๘๘ องค์กร มีเงินอุดหนุนที่อนุมัติไปแล้วทั้งสิ้น ๗๔๑.๔๒ ล้านบาท มีกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการสวัสดิการสังคม อาสาสมัคร ผู้ปฏิบัติงานด้านสวัสดิการสังคมและบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ที่ได้รับประโยชน์ ประมาณ ๒,๕๒๕,๓๔๙ ราย แต่ยังมีจุดอ่อนที่พบคือ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ และโครงการที่เสนอมาส่วนใหญ่ยังเป็นโครงการปกติของหน่วยงาน ทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป นอกเหนือจากการแสวงหาแหล่งทุนอื่นและการระดมทุน ซึ่งในปี ๒๕๕๔ นี้ มี ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุรินทร์ อุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ที่กองทุนฯ ได้ให้เงินทุนเพื่อไปใช้ในการระดมทุนจังหวัด
“การติดตามประเมินผลจะทำให้ทราบถึงผลสำเร็จและข้อจำกัดในการดำเนินโครงการที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมครั้งนี้ ได้เน้นกระบวนการถอดบทเรียนเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโครงการต่างๆ และคัดเลือกให้ได้โครงการต้นแบบ ๒๐ โครงการ ซึ่งจะมีส่วนช่วยพัฒนาการดำเนินงานได้”นางนภา กล่าว