ภาวะตลาดทองคำวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 30, 2011 14:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ข้อมูลทองคำวันนี้ - ราคาสมาคม เปิดที่ 25,500-25,600 - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,797 - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.98-30.01 - GFQ11 Hi- Low 26,000-25,090 ปิดที่ 25,880 Gold & Silver Insight สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.3% แตะที่ 1,791.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,778.10-1,841.50 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 40.6 เซนต์ ปิดที่ 40.546 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำและย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 254.71 จุด หรือ 2.26% ปิดที่ 11,539.25 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 33.28 จุด หรือ 2.83% ปิดที่ 1,210.08 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 82.26 จุด หรือ 3.32% ปิดที่ 2,562.11 จุด หลังจากมีรายงานว่าความเสียหายที่เกิดจากอิทธิพลของพายุเฮอริเคนไอรีน มีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. และข่าวการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารรายใหญ่ของกรีซ สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.23% แตะที่ 87.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.55-85.11 ดอลลาร์ ขานรับรายงานที่ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเฟดเดือนหน้า กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 30 สิงหาคม ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1230.80ตัน USD/EU ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4508 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.4497 ดอลล่าร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.4513 ดอลล่าร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.47% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.960 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 76.600 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.91 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 29.98-30.10 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.98-30.10บาทต่อดอลล่าร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก - ธนาคารอัลฟา และธนาคารอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ เอสเอ ซึ่งเป็นสองธนาคารรายใหญ่ของกรีซ ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ธนาคารทั้งสองวางแผนที่จะควบรวมกิจการกัน เพื่อจัดตั้งธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางวิกฤตหนี้สาธารณะที่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของกรีซนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 ก่อนหน้าที่จะควบรวมกิจการกันนั้น ธนาคารทั้งสองแห่งถือเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 และอันดับ 3 ของกรีซ เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์และทุนจดทะเบียน รองจากธนาคาร เนชันแนล แบงก์ มีรายงานว่า หลังจากคณะกรรมการบริหารของธนาคารทั้งสองแห่งได้พิจารณาเงื่อนไขต่างๆในข้อตกลงการควบรวมกิจการอย่างรอบคอบแล้ว จึงประกาศในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารแห่งใหม่จะใช้ชื่อว่า "อัลฟา ยูโรแบงก์" โดยจะมีทรัพย์สินรวมกันเป็นมูลค่าสูงถึง 1.46 แสนล้านยูโร (2.112 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีทุนจดทะเบียนในตลาดราว 2.5 พันล้านยูโร (3.61 พันล้านดอลลาร์) - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลง 1.3% สู่ระดับ 89.7 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 90.9% ซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเป็นดัชนีที่สามารถบ่งชี้ยอดขายบ้านมือสองในอนาคต และยังเป็นดัชนีชี้วัดเสถียรภาพในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐด้วย ลอว์เรนซ์ ยุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAR กล่าวว่า กิจกรรมการซื้อขายบ้านในสหรัฐยังคงซบเซา แต่อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่ายอดขายบ้านมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้น และการที่นักลงทุนเริ่มซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในอนาคต - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. มากกว่าเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ส่วนอัตราการออมเดือนก.ค.ลดลง 5% จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 5.5% อย่างไรก็ตาม อัตราการออมยังคงยืนอยู่เหนือระดับเฉลี่ยของปี 2550 ที่ระดับ 2.1% รายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดซื้อสินค้าคงทนประเภทต่างๆ รวมถึงรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีรายงานว่า การเพิ่มขึ้นเกินคาดของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 254.71 จุด หรือ 2.26% ปิดที่ 11,539.25 จุดเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เพราะทำให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ