บ้านปูรายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2545 และทิศทางธุรกิจปี 2546 เน้นนโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดี

ข่าวทั่วไป Tuesday March 4, 2003 09:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--บ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2545 มีผลกำไรสุทธิ 1,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 665 ล้านบาท หรือร้อยละ 85 บริษัทฯ มียอดขายถ่านหินเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวเนื่องจากการลงทุนในเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ทำให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ จากแหล่งถ่านหินทั้งในประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพิ่มจากเดิม 6 ล้านตัน เป็น 13 ล้านตัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้พัฒนาการบริหารจัดการหลายๆ ด้านในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุนการบริหาร การปรับกลยุทธ์การตลาด ตลอดจน เน้นการบริหารโดยยึดหลักนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ส่งผลให้ได้รับการโหวตเป็นอันดับ 6 ของบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีของไทย โดยนักวิเคราะห์การลงทุนในเอเชียจากการสำรวจของนิตยสาร ดิ แอสเซ็ท (The Asset) นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้รับการจัดระดับความน่าเชื่อถือในระดับเอ จากทริส เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้จัดทำประกันความเสี่ยงในการลงทุนในต่างประเทศ และจากการที่ทีมผู้บริหารของบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจที่ดำเนินอยู่ สำหรับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2546 ยังคงสานต่อนโยบายจากปี 2545 โดยมุ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดค่าใช้จ่ายในการบริหารและเน้นนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยระหว่างการแถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2545 ร่วมกับนายระวิ คอศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ1,449 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 6.82 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีผลกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 3.73 บาทต่อหุ้น โดยมีผลกำไรขั้นต้นจากการขายจำนวน 2,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วจำนวน 1,454 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีปริมาณและมูลค่าการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น
ในรอบระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 10,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 5,494 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 101 จำแนกเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 10,618 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 97 ของรายได้จากการขายรวม เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 6,448 ล้านบาท หรือร้อยละ 155 แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในประเทศไทย 1,476 ล้านบาท รายได้จากการนำเข้าถ่านหินจากผู้ผลิตรายอื่นในต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศไทย 837 ล้านบาท และรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตของบริษัทฯ ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 8,305 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายแร่อุตสาหกรรมและบริการอื่นจำนวน 291 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 ของรายได้รวม มีรายได้อื่นจำนวน 1,019 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ตลอดจนเงินปันผลบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และอื่นๆ
บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทร่วม ซึ่งคิดตามสัดส่วนการลงทุนเป็นกำไรจำนวน 452 ล้านบาท โดยเป็นการรับรู้ผลกำไรของบริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด จำนวน 533 ล้านบาท จำแนกเป็นผลกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 430 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 103 ล้านบาท และรับรู้ผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมอื่นรวมเป็นจำนวน 81 ล้านบาท
บริษัทฯ รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับงวดนี้ จำนวน 616 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไร 31 ล้านบาท เป็นผลมาจากค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซียที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ
นายชนินท์กล่าวต่อว่าในปีพ.ศ. 2545 ที่ผ่านมา เป็นปีที่บริษัทฯ มีการปรับปรุงการบริหารจัดการในเกือบทุกด้านอย่างมาก ได้แก่ การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นธุรกิจถ่านหินและธุรกิจไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร ขณะเดียวกันได้ปรับโครงสร้างสายงานการตลาดและจัดส่งให้มีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค ตลอดจนปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินปริมาณสำรองถ่านหินให้เป็นมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นการบริหารโดยยึดนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีโดยได้มีการนำมาใช้ในการปฏิบัติงานในทุกระดับอย่างจริงจัง จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี อันดับที่ 6 ของไทย จากผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หุ้นจากสถาบันการลงทุนนานาชาติที่ลงทุนในเอเชีย ซึ่งจัดโดยนิตยสาร ดิ แอสเซ็ท (The Asset) และบริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเอ จากทริส ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้จัดการบริหารความเสี่ยงโดยได้ทำประกันความเสี่ยงในการลงทุนในโครงการของบริษัทฯในประเทศอินโดนีเซียรวมถึงความแข็งแกร่งด้านความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานของทีมผู้บริหาร
สำหรับปีพ.ศ. 2546 นี้ บริษัทฯ จะยังคงมุ่งการดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายการจำหน่ายถ่านหินทั้งที่ผลิตจากแหล่งในประเทศไทยและจากแหล่งในอินโดนีเซียรวม 15 ล้านตัน แบ่งเป็นสัดส่วนที่ขายในประเทศไทยประมาณร้อยละ 30 และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียอีกประมาณร้อยละ 70 ทั้งนี้จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จะเน้นการบริหารและดำเนินงานตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสายสื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0 2694-6783-4
โทรสาร 0 2207-0696--จบ--
-ศน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ