MGM Pictures เสนอ ภาพยนตร์ของ Greenstreet Films เรื่อง Uptown Girls

ข่าวทั่วไป Tuesday September 30, 2003 11:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์
ในภาพยนตร์เรื่อง Uptown Girls, มอลลี่ กันน์ (บริตทานีย์ เมอร์ฟีย์) เป็นดาวดวงเด่นในงานสังคมทุกงานของนิวยอร์ค มอลลี่เป็นลูกสาวเนื้อหอม ของราชาเพลงร็อคผู้ล่วงลับ อย่างที่เรียกกันว่าเป็น "คนสำคัญ" ในอันดับต้นๆของรายชื่อคนดัง - เธอเป็นคนที่ดีไซน์เนอร์อยากออกแบบเสื้อผ้าให้จนตัวสั่น บรรดาหนุ่มโสดจอมเจ้าชู้ประตูดินทั้งหลายใคร่จะขอเดทกับเธอ และงานฉลองวันเกิดของเธอ นับได้ว่าเป็นงานที่คนทั้งเมืองอยากจะมาร่วมด้วยมากที่สุด ชีวิตของเธอช่างเปรียบเสมือนงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกรา
แต่เมื่อกองมรดกของมอลลี่ ถูกฉกชิงไปจนเกลี้ยง โดยฝีมือของผู้ดูแลบัญชีของเธอนั้น งานเลี้ยงก็จบลงอย่างฉับพลัน มอลลี่ต้องฝืนทำในสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต - หางานทำ ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก อินกริด (มาร์ลีย์ เชลตัน) และฮิวอี้ (โดแนลด์ ไฟสัน) เพื่อนสมาชิกในกลุ่ม A&R มอลลี่ ในที่สุดก็ได้ทำงานเป็นพี่เลี้ยง ให้กับลูกสาวตัวน้อยของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเพลง - โรม่า ชลีน (ฮีทเธอร์ ล็อคเลียร์) งานในความรับผิดชอบของมอลลี่ คือ เรย์ ชลีน (ดาโคต้า แฟนนิ่ง) สาวน้อยวัย 8 ขวบ ที่ทำตัวเหมือนว่า "กำลังจะครบ 40" จอมแก่แดด ผู้ขาดความรัก ถูกหลอนด้วยความกลัวเชื้อโรค และพยายามจะทำชีวิตให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรย์ผู้ห่างเหินทางอารมณ์กับมารดาของเธอ โตขึ้นมากับพี่เลี้ยงที่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ และไร้ซึ่งความมั่นคงทางอารมณ์ จนทำให้เธอพยายามที่จะควบคุมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
มอลลี่ผู้ไม่เคยที่จะต้องมีความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ กับ เรย์ผู้แบกโลกทั้งใบเอาไว้ด้วยบ่าน้อยๆ ของเธอ ทั้งสองกำลังจะสอนกันและกันให้ทำตัวให้เหมาะสมกับวัยของตน
MGM Pictures ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์ของ Greenstreet Films เรื่อง Uptown Girls นำแสดงโดยบริตตานีย์ เมอร์ฟีย์, ดาโคต้า แฟนนิ่ง, มาร์ลีย์ เชลตัน, โดแนลด์ ไฟสัน, และฮีทเธอร์ ล็อคเลียร์ กำกับการแสดงโดย โบแอซ ยาคิน เขียนบทภาพยนตร์โดย จูเลีย ดาห์ล และโม อ็อคร็อดนิค และลิซ่า เดวิโดวิทซ์ จากเรื่องราวโดย แอลลิสัน เจค็อบส์ Uptown Girls อำนวยการสร้างโดย จอห์น เพนน็อตติ, ฟิชเชอร์ สตีเวนส์, และแอลลิสัน เจค็อบส์, จากการอำนวยการบริหารของ โจ คาแรคซิโอโล จูเนียร์, ทิม วิลเลียมส์, และโบแอซ ยาคิน ทีมงานประกอบด้วย ผู้กำกับภาพ ไมเคิล บอลเฮาส์, ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ คาลิน่า ไอวานอฟ, ผู้ลำดับภาพ เดวิด เรย์, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซาร่าห์ เอ็ดเวิร์ดส, ผู้ควบคุมดนตรี มัวรีน โครว์, และผู้ประพันธ์เพลง โจเอล แมคนีลี
เริ่มต้นกันน์
เรื่องราวของ Uptown Girls และนางเอก มอลลี่ กันน์ ดาวแห่งงานปาร์ตี่ ถือกำเนิดจากเรื่องราวชีวิตจริงของ "มอลลี่" ผู้อำนวยการผลิต แอลลิสัน เจค็อบส์ เล่าให้ฟัง
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เจค็อบส์เคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับผู้มุ่งมั่นของ Greenestreet Films และเคยเล่าให้หุ้นส่วนของบริษัท จอห์น เพนน็อตติและ ฟิชเชอร์ สตีเว่นส์ ถึงเรื่องราวที่เธอคิดขึ้นมาเกี่ยวกับลูกสาวผู้เริงร่าของราชาเพลงร็อค "มันฟังดูดีมาก" เพนน็อตติพูด "แต่เราได้ฟังความคิดนับล้าน และจนกว่ามันออกมาเป็นรูปเป็นร่างนั่นแหละ เราถึงจะรู้ว่ามันใช้การได้" ดังนั้น เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับเรื่องราวของเธอ เจค็อบส์ได้จ้างนักเขียน จูเลีย ดาห์ล ให้ทำงานกับเธอในการเริ่มร่างโครงเรื่อง เมื่อพนักงานคนหนึ่งของ Greenestreet ได้อ่านมันเข้า เธอจึงบอกกับหุ้นส่วนทั้งสองทันทีว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษมาก เธอพูดว่า 'ฟิชเชอร์ มันเหลือเชื่อ' สตีเว่นส์ ท้าวความ "ผมเลยอ่านมันและชอบบรรดาตัวละคร"
แรงบันดาลใจของเจค็อบส์นั้น เธอกล่าวว่า เป็นทั้งความเพ้อฝันและความจริง เมื่อเธออ่านบท เธอรู้สึกว่าเธอไม่เคยเจออะไรที่คล้ายกับหนังเรื่องโปรดทุกเรื่องของเธอ ภาพยนตร์อย่าง Breakfast at Tiffany's, The Goodbye Girl และ Annie Hall ดึงดูดเธอในแง่ของเรื่องราวที่โรแมนติค เช่นเดียวกับฉากที่แสนงดงามของนิวยอร์ค ซิตี้ "ฉันหมายความว่า ฉัน ต้อง มาอยู่บ้านแถวถนนสายที่ 71 ตอนที่ย้ายมานิวยอร์คให้ได้ เพราะออเดรย์ เฮปเบิร์น เคยอยู่ที่นั่นในเรื่อง Breakfast at Tiffany's" เจค็อปส์หัวเราะ "ฉันโตในเบเธสดา แมรี่แลนด์ และจะมีความสุขมากเวลาได้ดูหนังพวกนั้น แล้วฉันก็อยากมานิวยอร์คเพื่อฉลองวันเกิด"
แรงบันดาลใจอื่นๆของเธอคือประสบการณ์ของเธอในการเป็นพี่เลี้ยงของเด็กเล็กที่ฉลาดเกินอายุ ตรงข้ามกับความพยายามของเธอที่จะเป็นผู้ดูแล เจค็อบส์กลับต้องได้รับความประหลาดใจหลายต่อหลายครั้งกับความคิดของเจ้าตัวน้อยๆ ทั้งหลาย มันจึงทำให้เธอคิดว่าเด็กๆ จะสามารถมีอิทธิพลต่อผู้ใหญ่ได้มากขนาดไหน "ฉันตั้งใจว่าจะทำหนังเกี่ยวกับเด็กที่รู้ความจริง" เธอกล่าว "พวกเขาเห็นความจริง พวกเขาพูดความจริง ถ้าทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ใหญ่ไม่ทำตามใจตนเอง"
Greenestreet ประทับใจกับเสน่ห์ของเรื่อง และเริ่มต้นการตระเตรียมงานสร้าง อันเป็นขั้นตอนซึ่งกินเวลาถึง 5 ปี "การสร้างภาพยนตร์ต้องใช้เวลา" สตีเวนส์กล่าว "แต่สคริปท์ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ"
จอห์น เพนน็อตติเคยอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Price above Rubies ให้กับผู้กำกับฯ โบแอซ ยาคิน และได้มอบสคริปท์ของเรื่อง Uptown Girls ให้กับเขา ยาคินรู้จักกับเขาดีตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาทำงานในหนังดราม่าเรื่อง Fresh ดังนั้น "โบแอซจึงไม่ใช่คนแรกที่เราจะนึกถึงในการกำกับฯ เรื่อง Uptown Girls" เพนน็อตติเล่า "แต่มันเป็นอะไรที่เราไม่อาจรู้ได้ ในตอนแรก เขาอ่านสคริปท์และป้อนข้อมูลกลับมาในฐานะนักเขียน และแล้วเขาก็ตกหลุมรักตัวละครนี้" ในขณะเดียวกันนั้น ยาคินก็ไปทำงานให้เรื่อง Remember the Titans แต่ยังคงติดต่อกับเพื่อนฝูงที่ Greenestreet อยู่ พอเขาเริ่มว่าง ก็บอกกับเพื่อนๆ ว่าอยากให้ Uptown Girls เป็นหนังเรื่องต่อไปของเขา
"เรารู้สึกว่าโชคดีมากที่โบแอซตอบรับที่จะกำกับฯ ให้" เพนน็อตติกล่าว "เพราะเขาเข้าใจตัวละคร และทำอย่างไรให้คอมเมดี้ออกมาดูอลังการ แต่ในขณะเดียวกันก็สมจริง เขายังเข้าใจที่จะทำให้นิวยอร์คดูดี มีชีวิตชีวา อย่างที่ออกมาในหนัง" เมื่อภาพยนตร์เดินเครื่องเต็มตัวกับการสร้างในที่สุด ก็ดูเหมือนว่าการรอคอยนั้นคุ้มค่า เพราะทีมดาราที่มาร่วมสร้างความเป็น Uptown Girls นั้นอยู่ในอายุที่พอเหมาะพอดี
มอลลี่กับเรย์
เริ่มทำงานแสดงตั้งแต่อายุ 13 แต่บริททานีย์ เมอร์ฟีย์ กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นับตั้งแต่ที่เธอขโมยซีนเป็นครั้งแรกในละครตลกกับการรับบทเป็น "Tai" ในเรื่อง Clueless ตอนอายุ16 ปี แต่ด้วยความสำเร็จล่าสุดกับการขโมยซีน ผลงานที่ได้รับคำชื่นชมในภาพยนตร์เรื่อง Girl, Interrupted, Don't Say a Word และหนังฮิตเมื่อปีแล้ว เรื่อง 8-Mile เมอร์ฟีย์ได้กลายมาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ฮอลลีวู้ดต้องการมากที่สุดคนหนึ่ง ความสามารถทางด้านตลกของเธอ เป็นที่ประทับใจพอๆ กับงานดราม่า- ซึ่งโดยรวมแล้วทำให้เธอได้รับเลือกให้เล่นในบทมอลลี่ กันน์
"ความมีน้ำใจต่อคนอื่นของมอลลี่ และความสำคัญของเหตุการณ์ในชีวิตของเธอนั้น เป็นอะไรที่ต้องการนักแสดงที่มีพรสวรรค์ที่หลากหลายอย่างแท้จริง" ยาคินพูด "บริตทานีย์ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างยิ่ง มอลลี่มีพลังที่จะพาคุณผ่านวิกฤติของเรื่องไปได้ มีนักแสดงที่น้อยคนที่จะมีความเข้มแข็ง มีพลังและความสามารถที่จะแสดงมันออกมาได้ แต่บริตททานีย์ทำได้จริงๆ ความเป็นธรรมชาติของเธอและไม่มีพิธีรีตองเป็นอะไรที่นักแสดงส่วนมากมักจะไม่มี เธอไม่ข้อจำกัดขีดคั่นและทำงานได้หลากหลาย ดังนั้นเธอจึงใช่เลยสำหรับบทนี้"
ในการรับบทนี้ เมอร์ฟีย์รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มาเล่นเป็นมอลลี่ กันน์ เธอรู้สึกสะดุดกับอารมณ์ขันของสคริปท์และซินเดอเรลล่ากลับตาลปัตรกับ เรื่องราวในแง่ของเทพนิยาย เธอยังสังเกตว่ามีบางส่วนเล็กๆน้อยๆของเธอเองอยู่ในบุคลิกของมอลลี่ ซึ่งเธอได้อธิบายพร้อมกับหัวเราะว่า "เป็นส่วนที่แปลกประหลาดในบุคลิกของฉัน คูณด้วย 12"
เมอร์ฟีย์พูดถึงปฏิกิริยาของเธอต่อสคริปท์ ว่าเป็นไปโดยสัญชาติญาณและปัจจุบันทันด่วน "สำหรับฉันมันป็นหนึ่งในเวทย์มนตร์ เป็นอะไรที่ไม่สามารถอธิบายได้" เธอพูด "ฉันรู้ว่าฉันต้องทำงานนี้ เมื่อฉันได้อ่านบท มันไม่เพียงแค่ตลกเท่านั้น แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นเหมือนเรื่องส่วนตัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีส่วนร่วม มันเหมือนได้กลับบ้าน
"ฉันรักมอลลี่" เธอพูดต่อ "เมื่อหนังเริ่ม เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบสูงสุด แต่เธอสนุกกับชีวิต และมีความเปิดเผยชนิดที่ทำให้ฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และการได้แสดงในบทของตัวละคร ซึ่งเป็นผู้หญิงที่กำลังพยายามค้นหาตัวเอง ว่าอะไรที่เธอจะต้องทำในชีวิตเธอ ผู้หญิงที่เปิดใจรับความเป็นไปได้ และความจริงของชีวิต ด้วยชีวิตชีวาและความตื่นเต้น - ฝันอะไรเช่นนั้น! ฉันยินดีอย่างเหลือเชื่อที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้"
ดาโคต้า แฟนนิ่ง สาวน้อยวัย 8 ขวบ ถูกลงความเห็นว่าเป็นนักแสดงเพียง คนเดียว ที่เหมาะสม สำหรับบทของเรย์ ชลีน หลังจากที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Screen Actors Guild Award จากการรับบทคู่กับฌอน เพนน์ในเรื่อง I Am Sam เธอก็กลายเป็นนักแสดงเด็ก ที่ทุกคนต้องการตัวมากที่สุดในวงการบันเทิงอย่างรวดเร็ว
"เรามักจะล้อกันว่า ตอนที่เราซื้อสคริปท์เรื่องนี้มา ดาโคต้ายังไม่ทันจะหัดเดินหรือพูดได้เป็นประโยคด้วยซ้ำไป" เพนน็อตติหัวเราะ "แต่แล้วเราก็ได้รู้ หลังจากได้พบกับเธอแล้วว่า เธอสามารถท่องอาขยานปากเปล่าได้ตั้งแต่เพิ่งสี่ขวบ" สตีเวนส์เสริม "ดาโคต้าไม่เพียงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นเรย์ มันเหมือนกับว่าบทนี้ได้ถูกเขียนสำหรับเธอโดยเฉพาะเลย"
เมื่อแฟนนิ่งได้อ่านบท เธอชอบตรงที่ว่าการแสดงเป็นเรย์นั้นจะต้องเต้นบัลเล่ต์หลายตอน ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายิย่างที่เธอชื่นชอบ เธอยังพบว่าเป็นการแสดงที่ท้าทายอีกด้วย "มันเป็นบทที่แตกต่าง" เธอบอก "ฉันไม่เคยเล่นเป็นใครที่เหมือนกับเรย์มาก่อน เธอช่างมีระเบียบและยึดติด" เธอหัวเราะ "แล้วก็ร้ายกาจ จริงๆ แล้ว - เป็นบทที่สนุกที่ได้แสดง"
"ดาโคต้าน่าทึ่งเป็นที่สุด" ยาคินกล่าว "เธอทำทุกอย่างจากมุมมองของตัวละคร และเราสามารถหารือกับเธอได้ราวกับว่ากำลังพูดกับคนอายุ 40 และเธอแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก - ยังกับเป็นตาตัม โอนีล ในเรื่อง Paper Moon และแอนนา พาคินใน The Piano มันอาจเป็นหนังที่ต่างกัน แต่ระดับความสามารถของเธอสูงถึงขั้นนั้น"
"ช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากสำหรับทั้งบริตทานีย์ และดาโคต้า ในขณะนั้น" สตีเวนส์กล่าว และเสมือนรางวัลพิเศษ เมื่อทั้งคู่เข้ากันได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ได้พบหน้า "ทั้งสองสร้างอารมณ์ขันด้วยกัน ทั้งในและนอกจอ" สตีเวนส์พูด "เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นทั้งคู่ด้วยกัน และระหว่างเธอทั้งสองนั้น มีความนับถือและช่วยเหลือให้แก่กันตลอด"
สองนักแสดงสาวน้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นพิเศษต่อกันอย่างมาก จนไม่อาจเล่าได้หมด ว่าสนุกสนานกับการร่วมงานกันขนาดไหน "บริตทานีย์เป็นนักแสดงที่เหลือเชื่อ" แฟนนิ่งกล่าว "และเราสามารถสื่อกันได้ในบท - เหมือนรับ-ส่งลูกกันได้เป็นอย่างดี"
ทางด้านเมอร์ฟีย์ เธอบอกว่า "ลืมเรื่องอายุไปเลย ดาโคต้าเป็นหนึ่งในบรรดาคนพิเศษเหนือธรรมดา ที่ฉันเคยพบมาตลอดชีวิต การมีเธอเป็นเพื่อนเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก เธอฉลาด เหนือฉลาาด - สนุกมาก!"
ภาพยนตร์มีศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ความสัมพันธ์ของสองสาว จึงนับเป็นเรื่องดีที่ทั้งสองนักแสดงเข้ากันได้เป็นอย่างดี และความรักใคร่อย่างแท้จริงของเธอทั้งสองนั้น สร้างความน่าเชื่อถือของการแสดงความสัมพันธ์ในจอ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คอมเมดี้มีผลอย่างน่าประหลาดใจ ต่อจิตใจของผู้ชม ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นระหว่างมอลลี่กับเรย์ ช่วยชี้ทางที่ถูกต้องให้กับมอลลี่ ช่วยให้เธอตั้งตัวได้ และนำไปสู่เส้นทางใหม่ของชีวิต และมอลลี่สอนเรย์ให้รู้จักเผชิญหน้ากับความสูญเสีย และสิ่งทั้งหลายที่มากระทบจากชีวิตคนเรา มอลลี่และเรย์ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการหาสมดุลย์
"บางคนอาจพูดว่าพวกผู้ใหญ่ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเด็กๆ ได้" เมอร์ฟีย์พูด "แต่เป็นไปได้ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสองคนที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะต่างฝ่ายต่างสามารถให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ มอลลี่และเรย์กลายมาเป็นเพื่อนแท้ และไม่เกี่ยงเรื่องอายุที่ต่างกัน ฉันชอบตรงนั้น มอลลี่สอนให้เรย์รู้จักการเป็นเด็ก และเรย์สอนมอลลี่ให้เป็นผู้ใหญ่ และพวกเขาต่างมอบใจให้กันและกัน และเปลี่ยนชีวิตของอีกคน นับเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่"
"เรย์มอบเครื่องมือของความเป็นหญิงสาวให้กับมอลลี่" เจค็อบส์พูด "และมอลลี่ให้ความเป็นเด็กกลับไปยังเรย์" เจค็อบส์รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมอลลี่ ในความเป็นนางเอกก็คือจิตวิญญาณเยี่ยงเด็ก; แม้ว่าเธอจะต้องเผชิญกับความทุกข์ยากและการฝ่าฟัน เธอก็ไม่เคยแสดงความขมขื่นใจ กระนั้น มอลลี่ก็ยังสงสัยในตัวเอง และความสัมพันธ์กับเรย์สร้างความมั่นใจให้เธอ "มอลลี่เป็นคนที่ไม่เคยเสียกำลังใจ" เจค็อบส์กล่าว "เธอให้กำลังใจเรย์ และ และเรย์สร้างความมั่นใจให้กับมอลลี่ ว่าเธอนั้นมีกำลังใจที่ยอดเยี่ยม"
สาวๆ หนุ่มๆ ชาว UPTOWN
ตัวแสดงหลักคนอื่นๆ ได้รับการคัดเลือกจากบรรดานักแสดงที่ทีมผู้สร้างรู้จักกันมาแล้ว จากหนังเรื่องอื่นๆ ผู้อำนายการสร้าง สตีเวนส์ เพิ่งกำกับฯ มาร์ลีย์ เชลตัน ในภาพยนตร์ของเขา เรื่อง Just A Kiss, และโดแนลด์ ไฟสัน ดาราหนุ่มที่เพิ่งทำงานกับยาคินใน Remember the Titans ยาคินกล่าวว่า เขารู้โดยทันทีว่าเขาต้องการให้ทั้งคู่แสดงใน Uptown Girls"ผมต้องให้มาร์ลีย์รับบทอินกริดให้ได้" ยาคินบอก "เธอสามารถที่จะสื่อความอ่อนไหว และคุณสมบัติที่มีอยู่มากของอินกริดออกมาได้ และเธอเป็นนักแสดงที่ดีจริงๆ"
สำหรับ ไฟสัน เพนน็อตตินึกได้ว่าเขาและยาคินมั่นใจเป็นที่สุด ว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ยอดเยี่ยมของทีมนักแสดง "หนึ่งในสิ่งแรกๆที่โบแอซพูด เมื่อเขาตอบรับที่จะกำกับฯ หนังเรื่องนี้ ก็คือ 'ผมมีคนที่จะเป็นฮิวอี้แล้ว'" เพนนอตติเล่า"ผมรู้ว่าเราต้องหาคนที่มีเสน่ห์อย่างร้ายที่จะเป็นตัวแทนของชีวิตด้านบันเทิงของมอลลี่" ยาคินบอก "นั่นคือสิงที่โดแนลด์เป็น - เขาเพียงแค่เดินเข้ามาในจอ แล้วเขาก็ เป็น งานปาร์ตี้"
บริตทานีย์ เมอร์ฟีย์ ยินดีที่ได้ร่วมงานอีกครั้งกับหนึ่งในเพื่อนดาราที่เคยแสดงร่วมกับเธอใน เรื่อง Clueless - ไฟสันก็แสดงด้วย "เหมือนเป็นการทำงานกับเพื่อนที่เรียนจบมัธยมมาด้วยกัน" เธอกล่าว "เราแสดงหนังเรื่องแรกด้วยกันเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว การมีเขามาทำงานด้วย เหมือนมีคนในครอบครัวมาอยู่ข้างๆ"
ในการเสาะหาผู้มารับบท นีล ผู้ที่มอลลี่ติดเนื้อต้องใจนั้น ยาคิน ต้องการใครสักคนที่สาวๆ จะตกหลุมรักได้ในแรกเห็น ทว่าต้องเป็นคนที่สามารถสอดใส่อารมณ์เล็กๆ น้อย อย่างที่ตัวละครต้องเป็นได้ด้วย ทีมผู้สร้างได้พบกับเสน่ห์เรียบง่ายที่ว่านี้ ในตัวดาราหน้าใหม่หนุ่มหล่อชาวออสเตรเลีย เจสซี่ สเปนเซอร์ "เขายังเด็กมาก แต่เขาก็ทำตัวสบายๆ มันอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นออสเตรเลียนก็ได้" ยาคิน หัวเราะ และพรสวรรค์และประสบการณ์ทางดนตรีของสเปนเซอร์ นับเป็นโบนัสพิเศษเมื่อเขาต้องกลายเป็นร็อกเกอร์น้องใหม่
ความลงตัวของทีมนักแสดงที่เหลือ ก็คือ ฮีทเธอร์ ล็อคเลียร์ รับบท โรม่า ชลีน, มารดาของ เรย์ การถ่ายทำเริ่มต้นไปแล้วเมื่อล็อคเลียร์ถูกจับตัวให้มารับบทที่เข้มข้นนี้ "เราคิดกันจนหัวแทบแตก ที่จะหาใครสักคนในช่วงเวลาอันสั้นขนาดนั้น ที่จะมาสร้างตัวละครที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และต้องมีอารมณ์ขันด้วย" เพนน็อตติกล่าว "และฮีทเธอร์เล่นได้ตามบทอย่างโดดเด่น เธอทำให้ทั้งดูดีและสนุกสนาน" นอกเหนือจากการแสดงสีหน้าท่าทางที่น่าเชื่อถือ กับการเป็นเม่ของดาโคต้า แฟนนิ่งแล้ว "ฮีทเธอร์ยังสร้างชีวิตชีวาในแบบร็อคแอนด์โรลให้กับบทนี้" ยาคินกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจสำคัญทีเดียว
ล็อคเลียร์ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว และสนุกกับการค้นคว้าเพื่อการสวมบทบาทเจ้าแม่แห่งวงการเพลง "สามีของฉันนัดให้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ Def Jam Records" ล็อคเลียร์เล่า "ฉันต้องเข้าไปนั่งร่วมในการประชุมหลายนัด และซึทซับรายละเอียดมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ฉันรู้สึกเหมือน 'โอ ฉันอยากทำงานของคุณ' เธอบอก 'พนันได้ว่าคุณก็คิดด้วย แต่ก็เป็นไปไม่ได้!'" เธอหัวเราะ
(ยังมีต่อ)
-รก-

แท็ก ภาพยนตร์   ICT  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ