
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงประชาชน แนะ 3 วิธี ป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ในการเลือกซื้อจากแหล่งที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ และการปรุงประกอบอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอ
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในดิน น้ำ พืช ผักหรือซากสัตว์ที่ปนเปื้อน เชื้อสามารถทนความร้อนและเย็นได้ดี สปอร์ของเชื้อสามารถอยู่ในดินได้นานกว่า 10 ปี และเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ 3 ทางหลัก คือ 1) ทางผิวหนัง (Cutaneous Anthrax) พบบ่อยที่สุด ประมาณ 95% ของผู้ติดเชื้อ เริ่มจากตุ่มคัน ก่อนกลายเป็นแผลสีดำล้อมด้วยวงบวมแดง ซึ่งอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 1% หากรักษาเร็ว 2) ทางเดินหายใจ (Inhalational Anthrax) อันตรายที่สุด เกิดจากการสูดสปอร์เข้าไป อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด ก่อนลุกลามไปสู่อาการช็อกและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว อัตราเสียชีวิตสูงกว่า 80% หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา และ 3) ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax) มาจากการกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ไม่ผ่านการปรุงสุก อาการคือปวดท้องรุนแรง อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสีดำ อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 25 - 60 % ซึ่งกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ ได้แก่ คนเลี้ยงสัตว์ คนชำแหละสัตว์ คนทำงานในโรงงานขนสัตว์ หนังสัตว์ อาหารสัตว์ และผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคเนื้อสัตว์ดิบ

นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า วิธีการป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคเนื้อสัตว์ดิบ ควรเลือกซื้อ และปรุงประกอบอาหาร ดังนี้ 1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่มีอาการป่วย ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ชำระร่างกายหลังสัมผัสสัตว์เสมอ 2) เลือกซื้ออาหารจากแหล่งที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ จะต้องมีสีแดงตามธรรมชาติไม่ช้ำเลือด ไม่มีกลิ่นเหม็นบูด และจะต้องไม่มีเม็ดสาคูที่เป็นตัวอ่อนของพยาธิ กรณีซื้อเนื้อสัตว์แช่เย็น ให้สังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่ควรเกิน 3 วัน นับจากวันที่ผลิตจนถึงวันที่ซื้อ และ3) รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอ หรือปรุงอาหารให้สุกร้อนทั่วถึง โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จะต้องใช้อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 70 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 5 นาที หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที