
บมจ.ชูวิทย์ ฟาร์ม (2019) หรือ CFARM บอร์ดไฟเขียวทุ่มงบ 119.71 ล้านบาท ลงทุนฟาร์มไก่ไข่ขนาด 200,000 ตัว พร้อมประกาศแผนการดำเนินงาน 2 โครงการสำคัญ คือ โครงการฟาร์มวัวนม และ โครงการฟาร์มไก่ไข่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการผลิตอาหารสดในประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร
ผศ.ดร.ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน พร้อมด้วยนางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2568 ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (13 พฤษภาคม 2568) มีมติอนุมัติลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่บนที่ดินของบริษัทในจังหวัดบุรีรัมย์ มูลค่ารวม 119.71 ล้านบาท เพื่อรองรับแม่ไก่ไข่จำนวน 200,000 ตัวในระบบการเลี้ยงแบบยืนกรง (caged layer) ภายใต้โมเดลธุรกิจ Contract Farming ซึ่งใช้หลักการบริหารจัดการที่ใกล้เคียงกับธุรกิจไก่เนื้อของบริษัท โดยโครงการอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างผ่านกระบวนการเปรียบเทียบราคา และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากทุนหมุนเวียนของบริษัทและการกู้ยืมสถาบันการเงิน ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้ว 5% และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรในไตรมาส 4 ปี 2568
การลงทุนในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจของบริษัทในระยะยาว โดยอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) คาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 7-8% เทียบเท่ากับธุรกิจไก่เนื้อที่ดำเนินอยู่เดิม ทั้งนี้อุตสาหกรรมไก่ไข่ยังถือเป็นหนึ่งในภาคเกษตรหลักของประเทศ โดยมีความต้องการภายในประเทศที่มั่นคงและมีศักยภาพในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ไก่ ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นจะพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำในตลาดในอนาคต
สำหรับโครงการฟาร์มโคนม มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 20% โดยอยู่ระหว่างการศึกษาระบบการเลี้ยงโคนมและปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการผลิตน้ำนมคุณภาพสูง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างสรุปแหล่งจัดซื้อโคนมพันธุ์ดี จำนวนกว่า 1,250 ตัว เพื่อเลี้ยงในฟาร์มที่จังหวัดบุรีรัมย์ คาดว่าจะสามารถนำเข้าโคนมได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 2568 และเริ่มรีดนมดิบล็อตแรกภายในไตรมาส 1 ปี 2569 โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาแบรนด์นมสดของบริษัทในอนาคต เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว.
บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาโครงการฟาร์มทั้ง 2 ประเภทให้ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยยึดหลักการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทยในระยะยาว