
นางสาวอุษา โทณผลิน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 อุดรธานี (สศท.3) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริม "เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น" ซึ่งเป็นแผนย่อยของกระทรวงที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรไทย โดยใช้จุดแข็งของสินค้าและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาสับปะรด พ.ศ. 2566 - 2570 ที่มีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านการผลิต แปรรูป และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากสับปะรดอย่างยั่งยืน
จากนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดนครพนมจึงมีนโยบายส่งเสริม "สับปะรดท่าอุเทน" เป็นหนึ่งในผลผลิตเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นที่มีความโดดเด่น สายพันธุ์ที่ปลูกคือปัตตาเวีย ปลูกในพื้นที่อำเภอท่าอุเทนและอำเภอโพนสวรรค์ ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2556 และได้รับรางวัลสับปะรดระดับประเทศจากกรมส่งเสริมการเกษตร 2 ปีซ้อน (ปี 2548-2549) นอกจากนี้ยังได้รับคัดเลือกเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP เด่นระดับจังหวัด (PSO) ประจำปี 2565 ปี 2566 และปี 2568 จุดเด่นของสับปะรดท่าอุเทน คือ เนื้อสีเหลืองเข้ม ตาตื้น รสชาติหวานฉ่ำ หอม ไม่กัดลิ้น แกนหวานกรอบ ปลูกในพื้นที่อำเภอท่าอุเทนและอำเภอโพนสวรรค์ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นลูกคลื่นลอนตื้น ดินร่วนปนทราย และมีฝนตกกระจายสม่ำเสมอ ผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใช้ฟางแห้งหรือเศษหญ้าคลุมผลช่วงเจริญเติบโต เพื่อป้องกันแสงแดดจัด ส่งผลให้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
จากการลงพื้นที่ของ สศท.3 พบว่า กลุ่มแปลงใหญ่ผู้ปลูกสับปะรด GI บ้านกุดกุ่มน้อย ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการผลิตในพื้นที่ มีการบริหารจัดการอย่างเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ผ่านกลไกเกษตรแปลงใหญ่ เริ่มดำเนินการปี 2561 ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกร 83 ราย ได้รับมาตรฐาน GAP 80 ราย โดยมีนายสุขสันต์ พรรณวงษ์ เป็นประธานกลุ่ม พื้นที่ปลูกรวม 1,840 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 1,500 ไร่ ได้ผลผลิตรวม 6,000 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 4,000 กิโลกรัม/ไร่ เกษตรกรสามารถปลูกได้ช่วงเดือนธันวาคม - พฤษภาคม แต่เว้นช่วงฤดูฝนเนื่องจากทำให้เกิดโรครากและยอดเน่า ระยะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว 11 เดือนขึ้นไป ผลผลิตสับปะรด GI ออกสู่ตลาดช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน (สับปะรดทั่วไปผลผลิตออกตลอดทั้งปี) ผลผลิตจำหน่ายในรูปแบบผลสด โดยแบ่งเป็น ขายปลีกร้อยละ 80 และขายส่งให้พ่อค้าคนกลาง ร้อยละ 20 ซึ่งในส่วนของการขายปลีกแบ่งเป็น จำหน่ายให้พ่อค้าต่างจังหวัด ร้อยละ 70 ส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ยโสธร อุดรธานี อุบลราชธานี รองลงมาจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ร้อยละ 20 อาทิ ตลาดเกษตรกรออนไลน์.comและ Facebook Tiktok ของเกษตรกรเอง และจำหน่ายให้กับส่วนราชการร้อยละ 10 ด้านราคาสับปะรด GI ของกลุ่ม (ราคา ณ เดือนพฤษภาคม 2568) แบ่งตามขนาด ได้แก่ ขนาดเล็ก (0.5 - 0.8 กิโลกรัม/ผล) ราคา 10 บาท/กิโลกรัม ขายปลีก ราคา 12 บาท/กิโลกรัม ขนาดกลาง (0.9 - 1.8 กิโลกรัม/ผล) ราคา 12 บาท/กิโลกรัม ขายปลีก 15 - 20 บาท/กิโลกรัมและขนาดใหญ่ (1.8 กิโลกรัมขึ้นไป) ราคา 20 บาท/กิโลกรัม ขายปลีก 25 - 30 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจากการจำหน่ายสับปะรด GI สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเฉลี่ยรายละ 60,000 บาท/ไร่/ปี
ทั้งนี้ กลุ่มมีการพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะต่อไปกลุ่มมีเป้าหมายพัฒนาเครื่องคัดแยกขนาดผลผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพ มาตรฐาน และเพิ่มมูลค่า พร้อมกับแนวทางใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ เช่น การผลิตปุ๋ยหมักจากสับปะรดที่ตกเกรด ตามแนวทาง Zero Waste ซึ่งเกษตรกรควรดูแลแปลงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงสภาพอากาศแปรปรวนที่อาจกระทบต่อคุณภาพของผลผลิต เช่น โรคใบแห้งเหี่ยว ผลขอบตาแตก หรือโรคแกนดำ ควรใช้วิธีการห่อผลสับปะรด คลุมดินด้วยฟาง และให้น้ำอย่างเพียงพอ หากสนใจสับปะรดท่าอุเทน GI หรือต้องการสั่งซื้อผลผลิตโดยตรงสามารถติดต่อคุณสุขสันต์ พรรณวงษ์ ประธานแปลงใหญ่ผู้ปลูกสับปะรด GI บ้านกุดกุ่มน้อย ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โทร 06 4360 7223 หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.3 โทร. 0 4229 2557 หรืออีเมล [email protected]