
"วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง" ขอบคุณนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ ที่ตอบรับและสนับสนุนหุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 เป็นอย่างดี สะท้อนความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และทิศทางการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ
นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม อันดับ 1 ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ในการจองหุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 เป็นอย่างดี ในระหว่างการเสนอขายวันที่ 17 - 19 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินที่ระดมทุนได้ครั้งนี้ ไปลงทุนเพื่อขยายกิจการ ลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ รวมถึงเพื่อให้กู้ยืมเงิน หรือชำระหนี้ภายในกลุ่มบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับหุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 อายุ 2 ปี 7 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.15 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้
"ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ที่จะมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมถึงการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ ด้วยเป้าหมายในการสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ตอบแทนผู้ถือหุ้น นักลงทุน และเพิ่มประเสิทธิภาพทางธุรกิจในระยะยาว"
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท ต่อเนื่องกันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีกำไรสุทธิมากกว่า 5,000 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากกว่า 9,000 ล้านบาท ติดต่อกัน 4 ปี นอกจากนี้ยังสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ในไตรมาส 1/2568 ให้ลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 0.71 เท่า จากอยู่ที่ 0.74 เท่า ในปี 2567 ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.4 เท่า
"บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุแผนระยะยาว ในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ถึง 2,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่เปิดดำเนินการแล้ว 717 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมี 4 โครงการใหม่ที่ได้อนุญาตจากภาครัฐ รวม 299 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดการผลิตและจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2570 - 2573 ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ให้บรรลุเป้าหมายภายในปี 2580 สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ หรือแผน PDP2024 หากทำได้ตามเป้าหมายจะช่วยเพิ่มระดับรายได้รวมต่อปีเป็น 20,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่สูงกว่า 10,000 ล้านบาท"