
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี อนุกรรมการบริหารแพทยสภา แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมขับเคลื่อน 4 ยุทธศาสตร์หลักด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต ผ่านกิจกรรม "LM KICK OFF 2025: พลิกโฉมสุขภาพไทยด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต" ยกระดับแผนยุทธศาสตร์เวชศาสตร์วิถีชีวิตระดับชาติ ภายใต้วิสัยทัศน์ร่วมกันว่า "ปรับวิถีชีวิต สร้างสุขภาวะ เพื่อคนไทยแข็งแรง"

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับนโยบายการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 นโยบายสำคัญของกระทรวง โดยเฉพาะนโยบายข้อที่ 3 ที่มุ่งเน้นการสร้างสุขภาวะเชิงรุก เริ่มต้นจากตนเอง เช่น โครงการ "นับคาร์บกันเถอะ" กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการพัฒนา "โค้ชสุขภาพ" และ "อสม." เพื่อเป็นแนวหน้าในการดูแลสุขภาพประชาชน ลดเสี่ยง NCDs พร้อมทั้งสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีวิถีชีวิตที่ดีในระดับพื้นที่ ซึ่งความร่วมมือในวันนี้จะได้รับการบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการระดับชาติ พ.ศ. 2571-2575 เพื่อวางรากฐานของระบบเวชศาสตร์วิถีชีวิตไทยอย่างมั่นคง ทั้งด้านบริการ การพัฒนากำลังคน วิจัย และการส่งเสริมความรู้สู่ชุมชน ซึ่งเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นแนวทางในการเสริมสร้างสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยง และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว โดยงาน " LM KICK OFF 2025: พลิกโฉมสุขภาพไทยด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต" ครั้งนี้ มุ่งเน้นดำเนินงานผ่าน 4 ยุทธศาสตร์หลัก จึงนับเป็นก้าวสำคัญในการพลิกโฉมระบบสุขภาพไทยให้ยั่งยืน และเท่าทันความท้าทายใหม่ของศตวรรษ เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืนด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine)
ด้าน แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนงานระหว่างกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย ผ่าน 4 ยุทธศาสตร์หลักด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์บริการ (Service): พัฒนาต้นแบบและขยายบริการคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิตให้ครอบคลุมทุกกลุ่มประชาชน พร้อมทั้งพัฒนามาตรฐานบริการให้มีคุณภาพ 2. ยุทธศาสตร์กำลังคน: พัฒนาแพทย์และสหวิชาชีพด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต โค้ชสุขภาพ และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ให้เป็นต้นแบบของการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่ 3. ยุทธศาสตร์ชุมชนสุขภาวะ: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการมีวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน และ 4. ยุทธศาสตร์วิจัยและพัฒนา: สนับสนุนการศึกษาวิจัยที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาไทย การแพทย์แผนไทย และทางเลือก เข้ากับหลักวิชาการสากล เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเวชศาสตร์วิถีชีวิตแห่งภูมิภาค โดยคาดหวังให้ประเทศไทยมีระบบบริการเวชศาสตร์วิถีชีวิตที่มีมาตรฐาน ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม มีสุขภาวะที่ดี และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2575 ภายใต้วิสัยทัศน์ร่วมกันว่า "ปรับวิถีชีวิต สร้างสุขภาวะ เพื่อคนไทยแข็งแรง"
ด้าน ดร.นายแพทย์ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า เวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการตอบสนองต่อความท้าทายนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการผลักดันของสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิต ที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภาเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาหลักสูตรสำหรับสหวิชาชีพเพื่อเป็นโค้ชด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต โดยกรมอนามัยมีบทบาทสำคัญในการจัดฝึกอบรม และพัฒนากำลังคนมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งร่วมจัดตั้ง ศูนย์จัดการความรู้และพัฒนาวิชาการเวชศาสตร์วิถีชีวิต (KALM Center) และสถาบันเวชศาสตร์วิถีชีวิต เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนทางวิชาการร่วมกับภาคีเครือข่ายต่อไป