
บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือ INET เผยยอดลูกค้าใช้บริการพุ่ง 6,217 ราย มีจำนวน VMI ถึง 88,842 VMI ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของตลาดต่อการเป็นผู้นำด้าน Local Cloud ที่มุ่งเน้นการรักษาอธิปไตยข้อมูล (Data Sovereignty) การจัดเก็บและประมวลผลภายใต้กฎหมายไทย ตอบโจทย์ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเต็มรูปแบบ มีความมั่นคงและเสถียรภาพทางธุรกิจระยะยาว พร้อมเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อส่งมอบโซลูชันที่เหนือกว่าและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ คาดการณ์จำนวนลูกค้าสะสมปี 2568 ทะลุ 7,000 ราย
นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INETผู้ให้บริการ Cloud & Digital Platform สัญชาติไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจคลาวด์และการแข่งขันที่รุนแรงในประเทศไทย ผลักดันให้องค์กรธุรกิจต้องตัดสินใจเลือกใช้พันธมิตรด้านเทคโนโลยีอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น ซึ่ง INET ยังคงยืนหนึ่งในฐานะผู้นำ Local Cloud และ Digital Platform ของประเทศไทยอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยสะท้อนได้จากความไว้วางใจฐานลูกค้ายอดการใช้บริการพุ่ง 6,217 รายทั่วประเทศ และมีจำนวน VMI อยู่ที่ 88,842 VMI ( ณ ไตรมาส 2/2568) โดยเป็นลูกค้าองค์กรที่หลากหลายธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ความสำเร็จครั้งนี้ตอกย้ำถึงความโดดเด่น Local Cloud ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับอธิปไตยข้อมูล (Data Sovereignty) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บและประมวลผลภายใต้กฎหมายไทย และปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
นอกจากนี้ INET ยังได้รับการตอบรับที่ดี ที่ส่งมอบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือกว่า มีจุดเด่นที่แตกต่าง คือ บริการที่ยืดหยุ่นและเข้าใจในวัฒนธรรมไทย อีกทั้งการมีหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นกว่า 40% ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงระดับสูงสุด ดำเนินงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลและมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดสูงสุด ทำให้ INET เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรขนาดใหญ่และหน่วยงานที่ทำงานร่วมกับภาครัฐเลือกใช้เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
"ในยุคที่ข้อมูลคือหัวใจของการขับเคลื่อนธุรกิจ การเลือกใช้ Local Cloud เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรไทยรักษาอธิปไตยข้อมูล (Data Sovereignty) ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดขององค์กร ทั้งการถูกจัดเก็บและประมวลผลอยู่บนแผ่นดินไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกฎหมายไทย นอกจากนี้การใช้บริการ Local Cloud ยังเป็นการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ทั้งในด้านการลงทุน การจ้างงาน และการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีของไทย ซึ่งเป็นการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งให้กับประเทศในระยะยาว" นางมรกต กล่าว
นางมรกต กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ AI, Machine Learning บนแพลตฟอร์มคลาวด์ เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจไทยได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดแข็งที่แตกต่างจากผู้ให้บริการระดับโลก ในด้านความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยอย่างแท้จริง