ทำความรู้จัก 'เรตินอยด์' ตัวช่วยผิวอ่อนเยาว์ อยากใช้ให้ผิวปัง ต้องทาให้ถูกต้อง

ข่าวทั่วไป Thursday November 6, 2025 15:28 —ThaiPR.net

ทำความรู้จัก 'เรตินอยด์' ตัวช่วยผิวอ่อนเยาว์ อยากใช้ให้ผิวปัง ต้องทาให้ถูกต้อง

สกินแคร์เด่นๆ แห่งปี 2025 ที่น่าจับตามองในการบำรุงผิวหน้าที่มาแรงอย่าง 'เรตินอยด์ (Retionoid)' และ 'เรตินอล (Retionol)' ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เข้าใจว่าทั้ง 2 ชนิด ต่างกันอย่างไร รู้เพียงว่าการออกเสียงใกล้เคียงกันสุด ๆ มาทำความรู้จักไปพร้อมกัน จะได้เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว เมื่อมีตัวช่วยผิวปัง แต่หากใช้ไม่เป็นอาจทำให้ผิวพังได้ มาเริ่มทำความรู้จักไปพร้อมกัน

สำหรับ 'เรตินอยด์ (Retionoid)' เป็นชื่อรวมของอนุพันธ์วิตามินเอ ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน โดยมีทั้งเรตินอยด์กลุ่มยา แบ่งออกเป็น Adapalene, Tretinoin, Tazarotene, Trifarotene และ Isotretinoin ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งเรตินอยด์ที่นิยมใช้และเป็นที่รู้จักในไทยอย่าง Adapalene และ Tretinoin มีกรดเรติโนอิก แอซิค (Retinoic Acid) ออกฤทธิ์แรงที่สุด ทำให้สิวยุบตัวเร็ว แต่มักระคายเคืองผิวสูง อาจทำให้ผิวแห้ง แดง ลอก และทำให้ผิวไวต่อแสงแดด

ส่วนเรตินอยด์ อีกกลุ่มคือ สำหรับใช้ในเวชสำอาง ที่มักใช้ในสกินแคร์ เรียงลำดับตามความอ่อนโยนน้อยไปถึงแรงสุด แบ่งเป็น เรตินิล เอสเทอร์ (Retinyl Esters), เรตินอล (Retinol), เรตินัลดีไฮด์ (Retinaldehyde) อย่างที่เห็นว่า เรตินอล (Retinol) เป็น 1 ในสารย่อยของเรตินอยด์ โดยจะให้ความเข้มข้นของ Retinoic Acid ที่ลดลง ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่อุดตันรูขุมขน และช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ เพื่อลดเลือนริ้วรอย และรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องใช้ระยะเวลาในการแสดงผลประมาณ 1 เดือน และในปัจจุบันมีการพัฒนาเรตินอยด์สายพันธุ์ใหม่ ออกฤทธิ์อย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ อย่าง "Hydroxypinacolone Retinoate (HPR)" ที่ใช้แล้วออกฤทธิ์ที่ผิวได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนฟอร์ม มีความเสถียรกว่าเรตินอยด์แบบเดิม และมีการระคายเคืองน้อยกว่า ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการออกฤทธิ์ของเรตินอยด์ทั้งกลุ่ม อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย จึงต้องระมัดระวังในการใช้ให้ดี ด้วยคุณสมบัติของเรตินอยด์ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว หากไม่เคยใช้เรตินอยด์มาก่อน อาจทำให้ผิวแห้ง แดง ลอก คัน หรือดันสิวได้ และสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้นและระคายเคืองได้ โดยไม่ต้องตกใจและกังวลกับผิวที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อผิวปรับตัวให้เข้ากับเรตินอยด์ได้แล้ว อาการระคายเคืองต่าง ๆ จะลดลง

เพราะฉะนั้นมือใหม่หัดใช้ เรตินอยด์ ต้องท่องไว้เสมอว่า ค่อยเป็น ค่อยไป ให้เวลาและใจเย็นกับการบำรุงผิว โดยสัปดาห์ที่ 1 ควรใช้ในปริมาณที่น้อยเท่าเม็ดถั่ว และควรทาวันเว้นวัน เพื่อให้ผิวเริ่มปรับตัว หากสังเกตว่าผิวไม่เกิดการระคายเคือง จึงค่อยปรับเป็นการใช้ทุกวัน ในปริมาณ 1-2 ปั๊ม โดยใช้ในช่วงกลางคืนเท่านั้น เนื่องจากเรตินอยด์มีความไวต่อแสงเปิดเทคนิคการใช้เรตินอยด์ ถ้าอยากคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ล็อคหน้าเด็ก บอกลาริ้วรอย ด้วยการดูแลผิวขั้นสูงกับเรตินอยด์ ต้องใช้ให้เป็นและจะไม่ทำให้ผิวพัง ด้วยเทคนิคเหล่านี้

  • ควรเสริมชั้นผิว โดยการบำรุงผิวให้แข็งแรงก่อนเริ่มใช้เรตินอยด์ควรใช้ควบคู่กับมอยเจอร์ไรเซอร์ทุกครั้ง โดยทาแบบ Sandwich เพื่อเสริมชั้นผิว
  • การใช้เรตินอยด์ สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคือง เริ่มด้วย เอสเซนส์ > เซรั่ม >มอยเจอร์ไรเซอร์ เนื้อโลชั่นหรือครีม > เรตินอยด์ > มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเข้มข้น
  • การใช้เรตินอยด์ สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ผิวผสม และ ผิวธรรมดา เริ่มด้วย เอสเซนส์ > เซรั่ม > เรตินอยด์ > มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเบาหรือเนื้อเข้มข้น
  • ควรแต้มเป็นจุด เริ่มจากกรอบหน้า และทาเข้ามากลางใบหน้า เว้นบริเวณจมูกและปาก ที่มีความบอบบาง เพื่อป้องกันผิวที่อาจเกิดการลอกได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้ เรตินอยด์ ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA / BHA / Vitamin C ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อลดการระคายเคืองบนผิว
  • ถ้าใช้เรตินอยด์ควบคู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ เปปไทด์ จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึง ไฮยาลูรอน ที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • ควรทาครีมกันแดดทุกเช้า เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UV เนื่องจากเรตินอยด์ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
  • ไม่ควรอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน และควรหาอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เพื่อป้องกันผิวไหม้และแสบผิวจากเรตินอยด์
  • งดใช้ 1 - 2 วัน ก่อนไปเที่ยวกลางแจ้ง เช่น ทะเล ภูเขา
  • งดใช้ 1 - 2 สัปดาห์ก่อนและหลังเลเซอร์ผิวหน้า

กิฟฟารีน (Giffarine) ผู้นำแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้คนไทยได้มีผิวสุขภาพดี ด้วย "กิฟฟารีน พรีเมียม เอชพีอาร์ เรตินอยด์ สกิน บูสเตอร์ (Giffarine Premium HPR Retinoid Skin Booster)" ที่ใช้นวัตกรรม Hybrid Retinoids สูตรลับเฉพาะของกิฟฟารีน เพื่อมอบความอ่อนโยน และมีประสิทธิภาพในการบำรุง ผสานการทำงานระหว่าง 2% HPR-CS (New Gen-Retinoid Complex Solution) เท่ากับ HPR เข้มข้น 0.2% ซึ่งเป็น Retinoid รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพแต่ระคายเคืองน้อย ผสานกับ Max Dose Phyto-Retinol เรตินอลจากธรรมชาติ ประสิทธิภาพเทียบเท่า Retinol ทั่วไป เสริมด้วยสารบำรุงเข้มข้นที่ช่วยเสริมปราการผิวให้ผิวแลดูแข็งแรง เช่น Liposome Ceramide NP , 3% Hydra-Soothing Complex ที่รวม Natural Hyaluron 100% , Cica ,Natural Betaine , Panthenol พร้อมปลอบประโลมผิว ลดโอกาสการระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวสำหรับ

"กิฟฟารีน พรีเมียม เอชพีอาร์ เรตินอยด์ สกิน บูสเตอร์ เรตินอยด์" เป็นเรตินอยด์เจนใหม่ ที่ให้โดสถึงแบบไม่ทำร้ายผิว ด้วยสูตร Effective Dose โดยมีงานวิจัยรับรอง และผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว จึงมอบความอ่อนโยน แต่ทรงประสิทธิภาพ เสริมสร้างการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ โดยไม่ทำลายชั้นผิว และยังหมดห่วง ด้วย 6 เรื่องที่ทำให้สบายใจ เพราะไม่มีน้ำหอม ไม่มีซิลิโคน ไม่มีมิเนอรัล ออยล์ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน และไม่มีสีสังเคราะห์

อย่าชะล่าใจเพียงเพราะคิดว่ายังไม่ถึงวัยในการทาเรตินอยด์ ยิ่งเริ่มก่อน ย่อมได้เปรียบในการดูแลผิวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถใช้เรตินอยด์ในการดูแลผิวให้คงความอ่อนเยาว์ ฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน และชุ่มชื้น ชะลอการเกิดริ้วรอยได้ เลือกสกินแคร์ยุคใหม่ที่อ่อนโยนกับผิวหน้า "กิฟฟารีน พรีเมียม เอชพีอาร์ เรตินอยด์ สกิน บูสเตอร์ " ยืดอายุผิวให้ยาวขึ้น โดยการเลือกลงทุนกับผิวระยะยาวเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะเมื่อผิวหน้าแข็งแรงจะทำให้เต็มไปด้วยความมั่นใจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ