
บมจ.เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) โชว์งบ 9 เดือนแรกปี 68 กวาดรายได้กว่า 122.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.01% กำไรสุทธิ 13.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.50% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ฟากแม่ทัพหญิง "จูเลีย เพ็ชญไพศิษฎ์" ส่งสัญญาณแนวโน้มไตรมาส 4/68 โตแรง! หลังเปิดให้บริการสาขาภูเก็ต อย่างเป็นทางการเดือนพ.ย.นี้ บวกแรงหนุนช่วงไฮซีซั่น ดันผลงานปี 68 ออลไทม์ไฮตามแผน
นางจูเลีย เพ็ชญไพศิษฎ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (PANEL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 9 เดือนปี 2568 บริษัทฯมีรายได้รวม 122.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.01% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 97.55 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.50% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 8.39 ล้านบาท
"กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ได้รับปัจจัยหนุนจากการรับเหมาระบบงานห้องผ่าตัด และรับเหมางานตกแต่งภายในที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 70 ล้านบาท และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะงานประตูอัตโนมัติและระบบห้องผ่าตัด"
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 คาดว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังเปิดให้บริการสาขาภูเก็ตอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2568 บวกแรงหนุนธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ผลักดันให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามแผนงานที่วางไว้
ขณะที่บริษัทฯจะย้ายโรงงานการผลิตจากคลองสองไปยังนิคมอุตสาหกรรมชุมนุมทรัพย์ โดยคาดว่าจะสามารถขนย้ายทรัพยากรและเปิดโรงงานใหม่ได้เต็มรูปแบบภายในมกราคม 2569 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาในการผลิต และเพิ่มกำลังการผลิตได้ 2.5-4 เท่าตัวในทันที และสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น
โดย PANEL ได้มีการเตรียมทีมขายพร้อมรองรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโรงงานใหม่และเครื่องจักรใหม่จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของงานรับเหมาระบบห้องผ่าตัดและรับเหมางานตกแต่งภายในสูงขึ้น เนื่องจากสามารถผลิตสินค้าได้เองมากขึ้น ลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ในการสั่งซื้อสินค้าบางประเภทในส่วนของงานรับเหมาระบบห้องผ่าตัดและรับเหมางานตกแต่งภายใน
นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และภูมิภาคตะวันออกกลางให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้จากการส่งออกปรับตัวดีขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่ถึง 10%