กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ดร.พจมาน ท่าจีน รองอธิบดี รักษาการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ พร้อมด้วย นายวันชัย สุวรรณหงษ์ รองอธิบดี และ ดร.กนิษฐ์ ตะปะสา นักวิทยาศาสตร์ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ "โดรนคนละครึ่งพลัส สู่สมาร์ทฟาร์มมิ่ง (Smart Farming)" ตามนโยบาย Quick Win โดยมีนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นประธาน มีคณะผู้บริหารจังหวัดท้องถิ่น เกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกระจิว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ดร.พจมาน ท่าจีน รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดี วศ. กล่าวว่า โครงการดังกล่าว วศ. เป็นหน่วยงานหลักที่ร่วมสนับสนุนการวิเคราะห์คุณภาพดินและธาตุอาหาร เพื่อใช้ประกอบการวางแผนการให้ปุ๋ยก่อนใช้งานโดรนหว่านปุ๋ย โดยได้นำผลงานนวัตกรรม "ชุดทดสอบสำหรับการเกษตร (Sensor Application for Agriculture)" ร่วมจัดแสดง ซึ่งเป็นผลงานวิจัยร่วมระหว่างกลุ่มนักวิจัย "Hub of Knowledge: Chemical and Biochemical Sensor" นำโดย รศ.ดร. จรูญ จักร์มุณี รองคณบดีฝ่ายวิจัยคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณะ ร่วมกับ ดร.จรูญ จันทร์สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการสถาบันห้องปฏิบัติการอ้างอิงแห่งชาติ ดร.พิจิกา มูลอำคา นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ และคณะจาก วศ. สำหรับชุดทดสอบนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรสามารถตรวจวัดธาตุอาหารหลักในดิน ได้แก่ไนโตรเจน (Nitrogen) และฟอสฟอรัส (Phosphorus) ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานกว่า 20,000 ไร่ โดยมีคุณสมบัติเด่นด้านความรวดเร็วและความถูกต้อง สามารถอ่านผลได้ด้วยสายตาหรือผ่านเครื่องวิเคราะห์ความเข้มสีที่พัฒนาขึ้น ทราบผลภายใน 15 นาที ช่วยให้เกษตรกรประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินได้อย่างเหมาะสม นำไปสู่การวางแผนการใช้ปุ๋ยได้ตรงตามความต้องการของพืช ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ทั้งนี้ วศ. มุ่งสนับสนุนการนำชุดทดสอบ Sensor Application for Agriculture ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนการให้ปุ๋ยผ่านเทคโนโลยีโดรนแบบเฉพาะจุด (Precision Application) โดยนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยไทยนี้ช่วยลดการใช้สารเคมีที่ไม่จำเป็น ลดต้นทุนการผลิต และเสริมศักยภาพการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร สอดรับกับนโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ของกระทรวง อว. ที่มุ่งขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สู่ระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีของเกษตรกรต่อไป