
บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) โชว์ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ปี 68 รายได้พุ่งทะลุ 3,600 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 20% กำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท เดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ปักหมุดโซนตลาดยุโรปและอเมริกาที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม มองทิศทาง Q4/68 สดใส หนุนรายได้ทั้งปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง
นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 3,666.2 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 613.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิมที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำไรขั้นต้น 684.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 69.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท
โดยกลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 จำนวน 4,187.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 422.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.2 รายการหลักมาจากที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นจำนวน 236.2 ล้านบาท จากการปรับปรุงโรงงานและการซื้อเครื่องจักรของบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม โดยยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีรายการเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น รวมจำนวน 1,083.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 272.7 ล้านบาท
สำหรับตลาดบรรจุภัณฑ์ ในปี 2569 คาดว่ายังคงมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ผู้บริโภคจะคำนึงถึงเรื่องของความยั่งยืนและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเข้ามาช่วยหนุนคำสั่งซื้อ ในสัดส่วนยอดขายบรรจุภัณฑ์ประเภท sustainable/eco ทั้งจากในและต่างประเทศ ในขณะที่ช่องทางการขายโดยแพลตฟอร์มออนไลน์ ยังคงเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล สามารถสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ แนะนำสินค้าใหม่ และสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี
"ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) พร้อมเดินหน้าธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ทั้งในและต่างประเทศ มุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยภายหลังจากเสริมแกร่งลงทุนขยายกำลังผลิตจัดตั้งบริษัทย่อยและโรงงานแห่งใหม่ในเวียดนาม พร้อมเดินเครื่องจักรเพิ่มศักยภาพสายงานการผลิตบรรจุภัณฑ์ระดับคุณภาพ รองรับความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่กับการเปิดทางสู่การเติบโตในภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง หนุนเป้าหมายรายได้เติบโตตามเป้าหมาย พร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับสากล" นางพจนารถ กล่าวทิ้งท้าย