กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
จนถึงขณะนี้ เด็กมากกว่า 75 คนได้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย และหลายหมื่นคนไร้ที่อยู่อาศัย และมักส่งผลให้เกิดการอยู่อย่างแออัดในศูนย์อพยพเป็นระยะเวลายาวนาน นอกจากเด็กจะไม่สามารถไปโรงเรียนแล้ว สถานศึกษาอีก 3288 แห่งยังได้รับความเสียหายอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้คือประเด็นสำคัญบางประการที่อยู่ในแถลงการณ์ร่วมซึ่งได้จัดส่งไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีของ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากหลากหลายองค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศไทยและระหว่างประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
“องค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ กำลังทำงานหนักเพื่อให้ความช่วยเหลือกับรัฐบาลไทยในการรับมือกับประเด็นเร่งด่วนต่างๆ แต่ยังมีประเด็นอีกหลายประการที่ส่งผลกระทบกับความอยู่ดีมีสุขของเด็กและครอบครัวที่ต้องได้รับการเอาใจใส่ด้วย" ตามแถลงการณ์จากมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย Plan International ประเทศไทย มูลนิธิ Right To Play แห่งประเทศไทย และ ZOA Refugee Care
ขณะที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลในการปฏิบัติงานบรรเทาทุกข์อย่างแข็งขัน ณ ปัจจุบัน แต่องค์กรกลุ่มนี้ยังให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสุขภาพ การศึกษา และการคุ้มครองเด็กว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรได้รับการบูรณาการเข้ากับกิจกรรมบรรเทาเหตุฉุกเฉินและฟื้นฟูอีกด้วย
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากจำนวน 533 รายเกิดจากการจมน้ำหรือไฟฟ้าลัดวงจร พ้อมกับยังมีอันตรายจากโรคติดต่อที่มากับน้ำซึ่งกำลังเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่น้ำท่วมขังที่ปนเปื้อนกำลังเริ่มลดลง กลุ่มดังกล่าวยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการนำระบบการศึกษาของประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติด้วย
นอกจากความรับผิดชอบของกระทรวงอนามัยในการสนับสนุนผู้ที่มีความจำเป็นทางการแพทย์และการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม หน่วยงานช่วยเหลือยังสนับสนุนให้รัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆ ระบุและเข้าถึงแม่ แม่ที่มีลูกวัยทารกหรือเด็กเล็ก เด็กกำพร้า หรือเด็กที่อยู่ในความเสี่ยง เด็กที่มีความพิการทางร่างกายหรือเด็กพิเศษ และเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโรคเรื้อรัง แถลงการณ์ดังกล่าวยังได้ให้ความสำคัญกับความจำเป็นในการให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพกับทั้งเด็กชาวไทยและเด็กที่ไม่ใช่ชาวไทย ประเด็นที่ได้รับการหยิบยกมาอยู่ในแถลงการณ์อาทิเช่น การมีพื้นที่สำหรับแม่และทารกเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การให้คำแนะนำและเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อพัฒนาการปฏิบัติตัวในการเลี้ยงเด็กทารกและเด็กเล็ก โภชนาการและการและให้การศึกษากับพ่อแม่เกี่ยวกับความสำคัญของ 1000 วันแรกของชีวิตเด็ก
แถลงการณ์ดังกล่าวยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบในการฟื้นฟูการศึกษาให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกำหนดวันสอบปลายภาคใหม่ การซ่อมแซมสถานศึกษาที่เสียหายกว่า 3000 แห่ง และสนับสนุนครูและนักเรียนเพื่อให้มีการเรียนการสอนพิเศษขณะที่เด็กๆ ไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมสำหรับการศึกษาอย่างเป็นทางการ
กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนยังเรียกร้องให้มีการใส่ใจกับสุญญากาศทางการศึกษาและการคุ้มครองเด็ก ณ ขณะนี้ และกระตุ้นให้รัฐบาล “ให้การสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษาและให้วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษาชั่วคราวสำหรับเด็กในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและด้านการจัดการความตึงเครียดเพื่อช่วยเหลือเด็กเหล่านี้” กลุ่มดังกล่าวยังได้ร้องขอเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเพื่อให้การฝึกอบรมด้านทักษะชีวิตกับเด็กๆ และให้การศึกษาเกี่ยวกับการประพฤติตัวอย่างปลอดภัยในพื้นที่น้ำท่วม ศุภนิมิตและองค์กรพัฒนาเอกชนอื่นๆ จะเพิ่มแผนการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งของชุมชนในการวางแผนและเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูหลังเกิดเหตุภัยพิบัติผ่านวิธีการ “สร้างใหม่ให้ดีขึ้น” (build back better) เด็กจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ในฐานะสมาชิกของชุมชนผู้มีส่วนร่วม
ด้วยการทำงานร่วมกัน ขณะนี้ทั้งสี่องค์กรได้แจกถุงยังชีพฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือประชาชนประมาณ 46000 คน นอกจากนี้ เด็กและทารกมากกว่า 1500 คนได้ใช้บริการศูนย์เพื่อนเด็กอย่างน้อย 14 แห่งและศูนย์ดูแลทารกที่ได้ก่อตั้งขึ้นที่ศูนย์อพยพและศูนย์พักพิงทั่วทั้งหกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด