‘ไฟเซอร์’ เผยผลสำรวจล่าสุด “ชาวเอเชียกับความปรารถนาด้านสัมผัสรัก” ระบุ ‘ระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย’ คือ ปัจจัยสำคัญสู่ความสุขสมของชายหญิง

ข่าวทั่วไป Friday November 25, 2011 10:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--บางกอกพีอาร์ ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือน: ชายอินโดฯ นำหน้าถี่สูงสุด 9.8 ครั้ง ชายไทยอยู่ในระดับ 4 ที่ 7.7 ครั้ง หญิงอินเดียนำหน้าถี่สูงสุด 8.7 ครั้ง หญิงไทยอยู่ในระดับกลางที่ 5.7 ชาวเกาหลีใต้รั้งท้ายทั้งชายหญิงถี่เพียง 4.4 ครั้ง และ 4.3 ครั้ง มากกว่าครึ่งของชายเอเชียยอมรับว่ามีระดับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายต่ำกว่าเกรด 4 ชายที่การแข็งตัวเต็มที่ (เกรด 4) มักเจ็บป่วยน้อยกว่า ลางานน้อยกว่า มีความภาคภูมิใจในตนเองสูงกว่า เมื่อเทียบกับชายที่มีการแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการรักษาอาการหย่อน-สมรรถภาพทางเพศระดับโลก แถลง “ผลสำรวจล่าสุดเรื่องความสุขสมแห่งสัมผัสรักในอุดมคติของ ชาวเอเชีย” (2010 Ideal Sex in Asia Survey Results) พบว่า ชายไทย 78% และหญิงไทย 82% กล่าวว่า “ระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย และความสามารถในการรักษาระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศ-ชาย คือ ปัจจัยสำคัญสูงสุดสำหรับการนำไปสู่ความสุขสมทางเพศในอุดมคติ” สอดคล้องกับความคิดเห็นโดยรวมของชายหญิงในเอเชีย ซึ่ง 79% ชายและ 80% หญิงในเอเชียระบุเช่นนั้น โดยพบว่า มากกว่า 50% ของชายในเอเชียยอมรับว่าตนเองมีระดับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายต่ำกว่าเกรด 4 การสำรวจดังกล่าวทำกับชายและหญิงที่มีคู่รักที่มีความแข็งตัวของอวัยวะเพศชายระดับ 3 หรือ 4 (ดีที่สุด)อายุระหว่าง 31-74 ปี ที่มีกิจกรรมทางเพศในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา รวม 3,282 คน (ชาย 1,658 คน หญิง 1,624 คน) ใน 10 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และประเทศไทย ไฟเซอร์สนับสนุนการสำรวจความสุขสมแห่งสัมผัสรักในอุดมคติในเอเชีย เพื่อช่วยยกระดับความสุขสมในชีวิตคู่ โดยการสำรวจนี้ได้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชีวิตรักไม่สุขสม อาทิ อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของฝ่ายชาย ปัญหาสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน ปัญหาในการพูดคุยสื่อสารระหว่างกันและกัน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อนำเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความรักความเข้าใจ อันจะนำไปสู่ความสุขสมแห่งสัมผัสรักในอุดมคติสำหรับทั้งชายหญิง งานแถลงข่าวครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รศ. นพ. จอร์จ ลี ศัลยแพทย์ด้านระบบทางเดินปัสสาวะชื่อดังจากมาเลเซียเป็นวิทยากร ร่วมด้วย ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศและสูติ-นรีแพทย์ชื่อดังของไทย และมี ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล เป็นพิธีกร โดยมี นพ. อัมพร อิทธิระวิวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดงานและให้การต้อนรับ ณ สตูดิโอ อาร์ 8 โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ผลสำรวจจำนวนครั้งโดยเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พบว่า ชายอินโดนีเซียขยันมีเซ็กซ์สูงสุดในเอเชีย 9.8 ครั้ง ตามด้วยฟิลิปปินส์ 9.4 ครั้ง อินเดีย 8.8 ครั้ง ส่วนชายไทยอยู่ในระดับกลางค่อนข้างสูง 7.7 ครั้ง ไต้หวัน 6.9 ครั้ง จีน 6.7 ครั้ง มาเลเซีย 6.6 ครั้ง ฮ่องกงและสิงคโปร์ 5.2 ครั้ง รั้งท้ายด้วยเกาหลีใต้ 4.4 ครั้ง ในขณะที่หญิงอินเดียขยันมีเซ็กซ์สูงสุดในเอเชีย 8.7 ครั้ง ตามด้วยอินโดนีเซียและมาเลเซีย 6.8 ครั้ง ไต้หวัน 6.3 ครั้ง จีน 6 ครั้ง ส่วนหญิงไทยอยู่ในระดับกลาง 5.7 ครั้ง ฟิลิปปินส์ 5.6 ครั้ง สิงคโปร์ 5.5 ครั้ง ฮ่องกง 4.8 ครั้ง รั้งท้ายด้วยเกาหลีใต้ 4.3 ครั้ง นอกจากนี้ ส่วนต่างระหว่าง “ความถี่ที่ปรารถนา” และ “ความถี่จริง” ในการมีเพศสัมพันธ์ของหญิงไทยขึ้นแท่นสูงสุดในเอเชียมากถึง 3.5 ครั้งต่อเดือน ซึ่งมีความต้องการได้รับสัมผัสรัก 9.2 ครั้งต่อเดือน ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ได้จริงเพียง 5.7 ครั้งต่อเดือน ส่วนชายไทยมีส่วนต่างสูงเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชีย คือ 4.2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งมีความต้องการได้รับสัมผัสรัก 11.9 ครั้งต่อเดือน ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ได้จริงเพียง 7.7 ครั้งต่อเดือน ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่า มากกว่าครึ่งของชายในเอเชียยอมรับว่า ระดับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายต่ำกว่าเกรด 4 ซึ่งผู้ชายสามารถประเมินความแกร่งขององคชาตด้วยตนเองได้โดยใช้ ‘การประเมินระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศ’ หรือระดับเกรดรัก 1 - 4 (Erection Hardness Score หรือ EHS เกรด 1-4) และควรพัฒนาสู่เกรด 4 เพื่อความสุขสมทางเพศสัมพันธ์สำหรับตนเองและคนรัก ผลสำรวจพบว่า 80% ของชายและหญิงในเอเชียให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” ของเพศสัมพันธ์ มากกว่า “ปริมาณ” โดยคุณภาพประเมินได้ง่ายๆ จากศักยภาพในการแข็งตัวขององคชาต รวมถึงความสามารถใน การรักษาระดับความแข็งตัว รศ. นพ. จอร์จ ลี ศัลยแพทย์ที่ปรึกษาด้านระบบทางเดินปัสสาวะของโรงพยาบาลเกลนอีเกิลส์ และมหาวิทยาลัยโมนาช กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า “ผลสำรวจความสุขสมแห่งสัมผัสรักในอุดมคติของชายและหญิงในภูมิภาคเอเชีย มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของการนำไปสู่ความสุขสมทางเพศซึ่งชาวเอเชียปรารถนา พบว่าการแข็งตัวขององคชาต หรือ EHS เกรด คือหัวใจสำคัญในการทำให้แนวคิดในอุดมคติดังกล่าวเป็นจริงได้ ปัญหาการ-แข็งตัวของอวัยวะเพศในระดับไม่เต็มที่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นชายที่ประสบภาวะการแข็งตัวไม่เต็มที่ หรือหญิงที่มีคู่รักที่ประสบภาวะดังกล่าวจึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขเพื่อเติมเต็มชีวิตคู่ให้มีความสุขยิ่งขึ้น” นอกจากนี้ 72% ของหญิงไทยที่มีคนรักซึ่งอวัยวะเพศแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ (EHS เกรด 3) ให้ความสำคัญมากที่สุดกับการแข็งตัวของอวัยวะเพศแบบเต็มที่ ในการบรรลุความสุขสมในการร่วมรักอย่างที่ปรารถนามากกว่าหญิงไทยที่มีคู่รักที่มีอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ (EHS เกรด 4) ซึ่งอยู่ที่ 43% “นอกจากนี้ความแข็งตัวของอวัยวะเพศชายยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพ จากผลสำรวจพบว่า ผู้ชายที่มีอวัยวะ-เพศแข็งตัวไม่เต็มที่ (EHS เกรด 3) มักมีโรคประจำตัวหรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง อาทิ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคตับ โรคหลอดเลือดในสมอง และใช้วันลาป่วยมากกว่าผู้ชายที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวเต็มที่ (EHS เกรด 4) ด้วยเหตุนี้อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจึงไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่เท่านั้น แต่อาจเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความใส่ใจดูแลได้ด้วยเช่นกัน” รศ. นพ. จอร์จ กล่าวเสริม ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศและสูตินรีแพทย์ชื่อดังของไทย กล่าวว่า “จากผลการสำรวจดังกล่าว แพทย์รวมถึงฝ่ายหญิงหรือคู่รักควรเป็นคนเริ่มบทสนทนาถึงปัญหาภาวะอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพื่อช่วยให้สามีหรือคู่รักเข้าใจว่าปัญหาดังกล่าวมีทางแก้ไขและไม่ใช่ เรื่องยาก ซึ่งการเพิ่มระดับความแข็งตัวของอวัยวะเพศชายจะช่วยเพิ่มรสรักได้มากขึ้น รวมถึงช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในตนเองให้กับฝ่ายชายอีกด้วย นอกจากนี้การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศจะนำไปสู่ความสุขสมทางเพศที่ปรารถนาได้ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่มักเขินอายที่จะปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ดังนั้นผู้หญิงจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยชักชวนและสนับสนุนคู่รักของตนที่มีภาวะสมรรถภาพทางเพศไม่สมบูรณ์เต็มที่ดังกล่าวให้ไปพบและปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที เพราะหากปล่อยไว้นานอาจจะส่งผลเสียต่อ สายสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้” ผลสำรวจยังพบว่า 60% ของผู้ชายไทยที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวเต็มที่ (EHS เกรด 4) รู้สึกมีความมั่นใจและภูมิใจในตนเองในระดับสูงหรือสูงมาก และมีเพียง 10% ของผู้ชายไทยที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัว ไม่เต็มที่ (EHS เกรด 3) มีความรู้สึกในลักษณะดังกล่าว ผู้ชายที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวไม่เต็มที่ (EHS เกรด 3) มีความไม่สบายใจในการเริ่มต้นบทสนทนากับหมอเกี่ยวกับปัญหาภาวะการแข็งตัวขององคชาต มากกว่าผู้ชายที่มีอวัยวะเพศระดับแข็งตัวเต็มที่ (EHS เกรด 4) อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ อาการ ED) หมายถึง การที่องคชาตไม่สามารถแข็งตัว และ/หรือแข็งตัวได้แต่ไม่เพียงพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างน่าพึงพอใจ (EHS เกรด 3 ถึง เกรด 1) โดยเกิดขึ้นเป็นบ่อยๆ หรือต่อเนื่อง อาการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้ชายที่ประสบปัญหาเป็นอย่างมาก ทำให้ขาดความเชื่อมั่น รู้สึกต่ำต้อยไร้คุณค่าและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชาย นอกจากนี้ยังส่ง ผลกระทบโดยตรงต่อคู่ครองและชีวิตรักอีกด้วย ในปี 2551 ได้มีการสำรวจอุบัติการณ์ของอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในประเทศไทย โดยทำการสำรวจชายไทยอายุ 40 — 70 ปี จำนวน 2,269 คน พบว่าชายไทยมีอุบัติการณ์การเกิดอาการหย่อน-สมรรถภาพทางเพศสูงถึง 42.18% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งแรกในปี 2543 ซึ่งอยู่ที่ 37.5% (จากการสำรวจชายไทยจำนวน 1,250 คน ในช่วงอายุเดียวกัน) ในขณะที่ทั่วโลก จากการสำรวจในปี 2538 มีอุบัติการณ์ของอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของชายอายุตั้งแต่ 40 - 80 ปี อยู่ระหว่าง 13 — 28% หรือผู้ชายประมาณมากกว่า 152 ล้านคน และคาดว่าภายในปี 2568 จะมีผู้ชายที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศประมาณ 322 ล้านคน ไฟเซอร์ฯ มุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้ที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับ การวินิจฉัยอาการ และรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ที่ “ศูนย์ข้อมูลสุขภาพเพศชาย” (Call Center) หมายเลข 0-2664-5888 กด 1

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ