กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--IR PLUS
CHOW ตอกย้ำอนาคตเหล็กกลางน้ำสดใส โชว์ผลงานปี 54 ยอดเยี่ยมกำไรพุ่ง 1,080% ทะลุ 185.91 ลบ. จากปีก่อนที่ทำได้ 15.75 ลบ. ด้านบอร์ดใจถึงสั่งปันผลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ อัตรา 0.10 บ./หุ้น "อนาวิล จิรธรรมศิริ" เผยดีใจที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้สำเร็จ มั่นใจปีนี้ สร้างผลงานเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนได้ หลังอุตสาหกรรมเหล็กยังขยายตัวในอัตราที่ดี ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ เชื่อปีนี้เพิ่มกำลังการผลิตถึงเป้า 20% ได้แน่จากปีก่อนที่ทำได้ใกล้เคียง 300,000 ตัน เหตุนอนกอด Backlog จากลูกค้ารายใหญ่แล้วกว่า 100,000 ตัน
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet)รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 5 เมษายน 2555 หลังจากที่ผลประกอบการประจำปี 2554 ออกมาเติบโตอย่างโดดเด่น
โดยในปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 5,685.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2553 ที่ทำได้ 3,872.57 ล้านบาท สะท้อนให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิสูงถึง 185.91 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.30 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2553 ถึงร้อยละ 1,080 ที่ทำได้ 15.75 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.03 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณสินค้าที่ขายและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความต้องการผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาวพุ่งสูงขึ้น เพื่อใช้ผลิตเป็นเหล็กเส้นและเหล็กข้ออ้อยสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
"ผมรู้สึกพอใจกับผลงานที่ออกมาในปีนี้ เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกตามที่ได้ตั้งใจไว้ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่เราใช้กำไรจากการดำเนินงานไปกับการลงทุนและขยายธุรกิจ และจนถึงปัจจุบันนี้การลงทุนครั้งสำคัญเพื่อรองรับการเติบโตได้ผ่านพ้นไปแล้ว จึงพูดไว้ว่าหลังจากนี้ก็เป็นช่วงการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากที่บริษัทฯ ได้ทุ่มลงทุนมาตลอดระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2546 และผมมั่นใจว่าหลังจากนี้ เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามนโยบายการขยายธุรกิจที่วางไว้ และยังยืนยันที่จะมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีสุดให้กับทั้งผู้ถือหุ้นและพนักงานทุกคนตามนโยบายที่ได้วางไว้"
นายอนาวิล กล่าวถึงอุตสาหกรรมเหล็กในปีนี้ว่า ยังมีทิศทางขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2554 จากการขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ ประกอบกับภายหลังสถานการณ์อุทกภัย ความต้องการใช้เหล็กเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สะพาน เขื่อน และทางยกระดับเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้ความต้องการใช้เหล็กแท่งยาว ให้ขยายตัวในทิศทางเดียวกัน โดยบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นผู้นำเข้าเหล็กแท่งยาวจากต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการเข้าไปทดแทนส่วนแบ่งทางด้านการตลาดของเหล็กนำเข้า จากความได้เปรียบทั้งเรื่องต้นทุนและความรวดเร็วในการขนส่ง และการบริหารจัดการที่ง่ายและรวดเร็วกว่า เนื่องจากในแต่ละปีประเทศไทยยังมีการนำเข้าเหล็กแท่งยาวจากต่างประเทศถึงและกว่า 1 ล้านตัน จึงถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่มีอยู่อีกมาก
นอกจากนั้น พยายามให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าเดิม ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาขายเหล็กแท่งยาวให้กับลูกค้ารายใหญ่อย่างเป็นทางการปีละประมาณ 1 แสนตัน ซึ่งถือเป็น Backlog ที่มีอยู่ในมือแน่นอน รอเพียงการส่งมอบออเดอร์เท่านั้น และหลังจากนี้จะพยายามทำสัญญาในลักษณะดังกล่าวกับลูกค้ารายอื่นเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น ในปีนี้บริษัทฯ จึงได้วางเป้าหมายขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% จากการผลิต 280,000 - 300,000 ตัน/ปี ในปี 2554 มาเป็นประมาณ 340,000-360,000 ตัน/ปี ซึ่งจะสะท้อนให้รายได้เติบโตไปในทิศทางเดียวกันด้วย
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
IR PLUS : คุณศุภวรรณ วราภรณ์ (จ๋า)
โทร. 02 — 541 — 4011 ต่อ 320
อีเมลล์ : supawan@irplus.in.th