เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น แถลงข่าวประจำปีของบริษัท

ข่าวทั่วไป Wednesday May 26, 2004 18:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น
เซ็นทรัลรีเทลแถลงยอดขายรวมในปีที่ผ่านมา 40,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 12% และปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 60,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 50% และมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 70 สาขา
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด แถลงว่า "ภาพโดยรวมของธุรกิจค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลรีเทลในปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จมาก โดยยอดขายมีอัตราเติบโต 12% หรือคิดเป็น 40,000 ล้านบาท ภาวะเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมากล่าวได้ว่า นโยบายของรัฐบาลนายกทักษิณค่อนข้างได้ผลดีมาก ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค แม้ว่าจะมีปัญหาโรคซาส์แต่รัฐบาลก็สามารแก้ไขสถานการณ์และเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้โดยเร็ว สำหรับปีนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับโอนหุ้นของท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตจาก Royal Ahold ทำให้ยอดขายในปีนี้เพิ่มเป็น 60,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 50%"
การลงทุน - ในปีที่ผ่านมาเซ็นทรัลรีเทลได้ใช้งบลงทุนไปทั้งหมด 3,500 ล้านบาท โดยใช้ในการลงทุนโครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต 1,500 ล้านบาท ที่เหลือใช้ในการขยายสาขาและปรับปรุงสาขา โดยมีการเปิดสาขาทั้งหมด 42 สาขา ประกอบด้วย เพาเวอร์บาย (Power Buy) 11 สาขา ซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) 3 สาขา บีทูเอส (B2S) 21 สาขา โฮมเวิร์ค (Homeworks) 1 สาขา และออฟฟิศดีโป (Office Depot) 6 สาขา
บุคลากร - จำนวนบุคลากรของบริษัทในเครือทั้งหมดมีประมาณ 27,000 คน ประกอบด้วยพนักงาน 12,000 คน PCBA 15,000 คน ใช้งบประมาณเพื่อการพัฒนาบุคลากรระดับ management 20 ล้านบาท โดยงบส่วนใหญ่จะเน้นหนักที่การฝึกอบรมและการดูงานทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทฯ ถึอว่าบุคลากรเป็น asset ที่มีค่า จึงมีนโยบายที่จะทำให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุขและมีความรู้สึกมั่นคงในงานที่ทำ ตลอดจนการมีเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณ บริษัทฯ จึงได้ขยายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ครอบคลุมไปถึงพนักงานระดับหัวหน้าแผนก ซึ่งมีอยู่ 2,500 คน
เป้าหมายทางธุรกิจปี 2547
ตามแผนเดิมเซ็นทรัลรีเทลได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 45,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 13% แต่เนื่องจากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับโอนหุ้น 100% ของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตจาก Royal Ahold ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งยอดขายของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตไว้ 15,000 ล้านบาท ดังนั้นเป้ายอดขายของเซ็นทรัลรีเทลในปีนี้จึงเพิ่มเป็น 60,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 50% โดยมีพื้นที่ค้าปลีกของทั้งกลุ่มรวม 688,000 ตารางเมตร และมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาอีกประมาณ 70 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยกลุ่ม Specialty Store เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายมากที่สุด โดยเฉพาะ B2S และ Power Buy ดังนั้นในปลายปีนี้เซ็นทรัลรีเทลจะมีสาขาของบริษัทในเครือประมาณ 300 สาขา
สำหรับในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมาเซ็นทรัลรีเทลมีอัตราการเติบโตเท่ากับ 15% ซึ่งเติบโตกว่าไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา และล่าสุดเซ็นทรัลรีเทลได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ จัดโครงการ "บัวหลวง-เซ็นทรัลรีเทล Deco Loan" เพื่อให้สินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าตกแต่งบ้านราคาพิเศษจากร้านค้าในเครือเซ็นทรัลรีเทล ได้แก่ โฮมเวิร์ค (Homework) เพาเวอร์บาย (Power Buy) และซูเปอร์สปอร์ต (Supersports)
ในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ 5,000 ล้านบาท โดยงบดังกล่าวจะนำไปใช้ในโครงการหลักๆ ซึ่งประกอบด้วย
- โครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต (Central Festival Phuket) ซึ่งมีกำหนดเสร็จและจะเปิดดำเนินการในเดือนกันยายนนี้
- ZEN กำหนดปรับปรุงและขยายพื้นที่ขายเพื่อรองรับกับโครงการ Central Workd Plaza โดยตั้งงบประมาณไว้ 1,400 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จในปี 2549
- การปรับปรุงเซ็นทรัล สาขาชิดลม กำหนดปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าแล้วเสร็จในปี 2548
- Soft Ware บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อซอฟแวร์ ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท จากบริษัท NEC เพื่อนำมาพัฒนาระบบ "Standard Point of Sales (SPOT)"
ด้านบุคลากร เซ็นทรัลรีเทลมีพนักงานในเครือทั้งหมดรวม 35,000 คน ประกอบด้วยพนักงานของบริษัทฯ เอง 19,000 คน PC/BA 16,000 คน บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาการบริหารงานให้มีความเป็นระบบและมีความเป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการ reorganized ด้วยการแต่งตั้งผู้บริหารของหน่วยธุรกิจต่างๆ (Business Unit) สำหรับปีนี้บริษัทฯ ได้แต่งตั้งคุณโจเซฟ เอฟ. ลอมบาโต (Joseph F. Lobbato)ให้ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายปฎิบัติการ (Chief Operating Officer) โดยคุณโจเซฟ ได้มาร่วมงานกับเซ็นทรัลรีเทลเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
การพัฒนาบุคลากร บริษัทฯ ได้ตั้งงบประมาณไว้ 50 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้เน้นย้ำในเรื่องฝึกอบรมและการดูงานทั้งในแและต่างประเทศ นอกจากนี้โครงการ MINI MBA ซึ่งเคยจัดให้กับระดับ management ไปแล้ว 2 รุ่น รวม 100 คน ในปีนี้บริษัทฯ ได้ขยายโครงการ MINI MBA ให้กับระดับผู้จัดการและระดับหัวหน้าแผนกที่มีผลงานดีเด่น โดยรุ่นแรกได้เปิดเรียนไปแล้ว เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นอกจากการพัฒนาในเรื่องความรอบรู้ในการบริหารและทักษะเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพแล้ว บริษัทฯ ยังได้คำนึงถึงความสุขของพนักงานขณะทำงาน ด้วยการจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีและจัดกิจกรรมที่จะให้พนักงานมีสุขภาพที่แข็งแรงและกิจกรรมที่จะให้ครอบครัวของพนักงานได้สังสรรค์และร่วมกิจกรรมกัน ภายใต้โครงการ "Work Life Balance" อาทิ Family Day, Sport Day
การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม
โครงการทวิภาคี เริ่มจากห้างเซ็นทรัลได้ลงนามร่วมกับกรมอาชีวศึกษาเมื่อปี 2544 ที่จะช่วยฝึกอบรมด้านธุรกิจค้าปลีกให้แก่อาจารย์ของวิทยาลัยอาชีวศึกษา และฝึกงานในลักษณะทวิภาคีให้นักศึกษาระดับ ปวช.และปวส. โดยระหว่างฝึกงานนักศึกษาจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าคอมมิชชั่น ในปีนี้มีนักศึกษาที่สำเร็จหลักสูตรทั้งหมด 33 คน โดยเป็นพนักงานของเซ็นทรัลจำนวน 22 คน และเป็นนักเรียนจากวิทยาลัยต่างๆ จำนวน 11 คน โดยทำพิธีมอบประกาศนียบัตรไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้นักศึกษาที่จบหลักสูตรจะได้รับโอกาสที่จะทำงานกับบริษัทต่อไป
โครงการ Part-time Job เป็นโครงการสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษาทำงานพิเศษนอกเวลาเรียน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีความรู้ ทักษะการอาชีพ ตลอดจนเรียนรู้การปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่น และช่วยให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯจะรับนักเรียน นักศึกษาให้เข้าช่วยเสริมในงานต่างๆ ที่ไม่ต้องใช้พนักงานประจำ อาทิ Sale Promotion, Special Events, Festival, New Year ซึ่งโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมให้เยาวชนไทยรู้จักการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทลได้รับนักเรียน นักศึกษาทั้งหมดกว่า 7,500 คน เพื่อทำงานพิเศษในกิจกรรมต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น
โครงการคอมพิวเตอร์ไอทีซีเพื่อน้องเล็ก เป็นโครงการที่เพาเวอร์บายร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลนีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเรียนรู้โดยใชเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งทางกระทรวงฯ มีนโยบายที่จะให้ 4,500 โรงเรียนในชนบทได้มีห้องเรียนคอมพิวเตอร์ และให้นักเรียนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งไม่เคยเรียนรู้คอมพิวเตอร์มาก่อน จะได้เริ่มเรียนรู้อย่างจริงจัง ในการนี้เพาเวอร์บายได้ตอบสนองนโยบายดังกล่าวด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ของโครงการฯ โดยลูกค้าสามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้แล้วมาแลกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่พร้อมซอฟแวร์ในราคาพิเศษ และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้แล้วจะนำไปบริจาคแก่โรงเรียนในชนบทต่อไป
รายนามผู้แถลงข่าว
1. คุณทศ จิราธิวัฒน์ TOS CHIRATHIVAT
กรรมการผู้จัดการใหญ่ CHIEF EXECUTIVE OFFICER
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด CENTRAL RETAIL CORPORATION CO.,LTD.
2. คุณปิยะ งุ่ยอัครมหาวงศ์ PIYA NGUIAKARAMAHAWONGS
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส
ฝ่ายการเงินและบัญชี CHIEF FINANCIAL OFFICER
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด CENTRAL RETAIL CORPORATION CO.,LTD.
3. คุณโจเซฟ เอฟ ลอมบาโต JOSEPH F. LOBBATO
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส
ฝ่ายปฎิบัติการ CHIEF OPERATING OFFICER
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด CENTRAL RETAIL CORPORATION CO.,LTD.
4. คุณประกาย ชลหาญ PRAKAI CHOLHAN
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส SENIOR VICE PRESIDENT-HUMAN
ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารทั่วไป RESOURCES & GENERAL ADMINISTRATION
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด CENTRAL RETAIL CORPORATION CO.,LTD.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร เซ็นทรัลรีเทล
โทร. 0-2650-3600 ต่อ 1541-5--จบ--
-ดท/นห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ