บีเอสทีอีเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย; เฝ้าระวังน้ำ-อากาศ ไม่พบความผิดปกติ

ข่าวทั่วไป Wednesday May 23, 2012 14:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--นิโอ ทาร์เก็ต บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด (บีเอสทีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้การดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่า ในระหว่างที่รอการแต่งตั้งคณะกรรมการกลางพิจารณาการเบิกจ่ายกองทุน บีเอสทีอี 10 ล้านบาท อย่างเป็นทางการ บริษัทฯ จะให้การดูแลส่วนอื่นที่สามารถทำได้ก่อนในทันทีเช่น การตรวจสุขภาพ และการซ่อมแซมบ้านเรือนให้แล้วเสร็จก่อนถึงฤดูฝนเพื่อดูแลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้เรียบร้อยและเร็วที่สุด นายไชยยศ วงศ์พยัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด (บีเอสทีอี) กล่าวว่า “ตามที่บริษัทฯ ได้เตรียมจัดตั้งกองทุนบีเอสทีอีเพื่อดูแลชุมชนต่างๆที่ได้รับผลกระทบ ในวงเงิน 10 ล้านบาท โดยได้เรียนหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาพิจารณาดูแลทั้งด้านทรัพย์สิน และด้านสุขภาพนั้น ในระหว่างที่รอการจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวอย่างเป็นทางการ บริษัทฯ พยายามที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของชุมชนไปล่วงหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการลงพื้นที่สำรวจชุมชน 33 แห่ง หลังภายหลังการตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหายด้านทรัพย์สิน พบว่ามีบ้านเรือนทั้งหมด 1,481 หลัง มีความเสียหายจำนวน 267 หลัง แต่เป็นการเสียหายในระดับไม่มากนัก เช่น หลังคารั่ว เป็นต้น ทางบริษัทฯ จึงได้นำช่างเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมให้แล้วส่วนหนึ่ง ในบางกรณีที่เจ้าของบ้านประสงค์จะดำเนินการซ่อมเอง เพื่อความสะดวกรวดเร็วทางบริษัทฯ ก็ได้จ่ายเงินให้ตามราคาประเมิน บริษัทฯ มีความประสงค์ที่จะให้การดูแลอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาภาวะความเดือดร้อนของชาวบ้านเนื่องจากช่วงนี้กำลังย่างเข้าฤดูฝนแล้ว จึงขอความร่วมมือผู้ที่ได้รับผลกระทบติดต่อแจ้งเรื่องได้โดยตรง ที่ 038 698 698 กด 5 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายไชยยศกล่าวต่อว่า “ทางบริษัทฯ เข้มงวดเรื่องการจัดการน้ำเป็นอย่างยิ่ง โดยมีนโยบายว่าน้ำที่จะปล่อยออกจากโรงงานจะต้องไม่มีสารปนเปื้อนในระดับที่จะเป็นอันตรายต่อคน สัตว์ และพืช ดังนั้น น้ำที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ที่เกิดเหตุ บริษัทฯ ได้ทำการดูดน้ำเข้าสู่ระบบบำบัดของโรงงาน และจนถึง ณวันนี้ยังไม่มีการปล่อยน้ำใดๆ ออกสู่พื้นที่ภายนอกโรงงานเลย จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากภาครัฐ ส่วนน้ำที่อยู่ในรางน้ำฝนภายในโรงงาน บริษัทฯ ได้กักเก็บและส่งไปให้ทางนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) ทำการบำบัดด้วยเช่นกัน” บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ำ นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยได้เก็บตัวอย่างน้ำ 4 จุด ซึ่งประกอบไปด้วย จุดด้านหน้าโรงงาน (ไอ-8), จุดด้านหลังโรงงาน (ไอ-7), จุดที่ท่าเรือมาบตาพุด และจุดที่เกาะสะเก็ด ระหว่างวันที่ 6-12 พฤษภาคม ซึ่งผลการตรวจคุณภาพเพื่อดูค่าความเป็นกรด-ด่าง ค่าปริมาณอ๊อกซิเจน และค่าสารโทลูอีน ไม่พบค่าความผิดปกติใด “ส่วนความกังวลเรื่องสารปนเปื้อนในอากาศ บริษัทฯ ได้ทำการวัดค่า 7 จุด ตลอด 24 ชั่วโมงระหว่างวันที่ 7-14 พฤษภาคม ครอบคลุมโดยรอบบริเวณ 3 กิโลเมตรจากโรงงานโดยได้ตรวจวัดค่าที่หน้าโรงงาน หลังโรงงาน ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศทางที่มีลมจะพัดไปทางชุมชน พบว่าค่าของสารโทลูอีนในบรรยากาศ อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมากจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเลย” นายไชยยศ กล่าวยืนยัน โรงงานบีเอสทีอีได้ทำการวัดค่าโทลูอีน พบว่ามีค่าสูงสุดเพียง 0.002 ppm ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลต่อร่างกาย (อ้างอิงมาตรฐานสมาคมนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา : American Conference of Governmental Industrial Hygienists ; ACGIH — ที่ระบุว่าค่าการได้รับการสัมผัสสารโทลูอีนไม่เกิน 50 ppm ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย) ผู้ที่ได้รับผลกระทบและไม่แน่ใจว่าตนเองได้สัมผัสสารชนิดนี้หรือไม่ สามารถตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะ กับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของบริษัทฯ ได้ หรือว่าตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ซึ่งทางบริษัทฯ จะช่วยจ่ายค่าตรวจเช็คในกรณีนี้ให้ด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด (บีเอสทีอี) เป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจสนับสนุนอุตสาหกรรมยางสังเคราะห์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานสากล ได้รับใบรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO9001 ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO14001 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มอก.18001 ตลอดจนเข้าร่วมโครงการความรับผิดชอบของโรงงานอุตสาหกรรมต่อสังคม (Corporate Social Responsibility, Department of Industrial work: CSR-DIW) โดยดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมาภิบาล และคำนึงถึงชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ