กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก
พญ.ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเด็ก โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก กล่าว “คุณพ่อ คุณแม่ ช่วงฤดูฝนอาจมีน้ำขังตามแหล่งน้ำและพื้นที่ต่างๆแล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง วายร้ายตัวฉกาจที่อาจสร้างภัยมาสู่ตัวเจ้าตัวน้อยและคนในครอบครัวได้ เด็กที่มีอาการคัน เป็นตุ่มแดงตามแขน ขา เวลาถูกยุงกัด จะพบเยอะมาก ผื่นแพ้ยุง และแมลง(Insect bite reaction) สาเหตุที่พบบ่อยคือยุง หรือหมัด เมื่อถูกกัดจะเกิดปฏิกิริยาต่อพิษ สารเคมี และน้ำลายของแมลงที่กัด ทำให้มีการหลั่งของสารพวกฮีสตามีน เซอโรโตนิน กรดฟอมิก และไคนินทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และเกิดอาการคันตามมา ซึ่งปฏิกิริยาจะพบเฉพาะบางคนเท่านั้น ไม่ได้เกิดกับทุกคน ซึ่งในเด็กๆบางคนอาจมีประวัติคนในครอบครัวเป็นด้วย ถ้าร่างกายเริ่มมีภูมิต้านทานสามารถปรับตัวได้ ปฏิกิริยาที่เคยรุนแรงก็จะน้อยลง หรือไม่มีอาการเลย
วิธีป้องกันและการดูแลหลังถูกยุงหรือแมลงกัด
1. ล้างบริเวณที่ถูกยุงหรือแมลงกัดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ และใช้ผ้าเย็นหรือเจลประคบเพื่ออาการคัน
2. หลีกเลี่ยงการแกะ เกา ควรรักษาความสะอาด ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ ใส่กางเกงขายาวเพื่อป้องกันยุงหรือแมลงกัด
3. ทายาลดอาการคัน เช่น คาลาไมล์โลชั่น ในเด็กที่แพ้รุนแรงหรือตุ่มนูนแดงหนาใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ ในเด็กๆทีมีอาการคันมาก ให้รับประทานยาแก้คันกลุ่มแอนติฮิสตามีนร่วมด้วย
4. ระวังไม่ให้ถูกยุง หรือหมัดกัด เช่น นอนกางมุ้ง กำจัดยุงและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้าน หรืออาจใช้ยาทาป้องกันยุง เช่น ตะใคร้หอมกันยุง
5. กรณีมีตุ่มหนองเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ควรทาหรือรับประทานยาปฏิชีวนะ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นแผล เพราะเมื่อแผลหายแล้วอาจทิ้งรอยดำ และเป็นแผลได้ ซึ่งปกติรอยดำที่เกิดขึ้นภายหลังยุงหรือแมลงกัดเกิดจากที่เม็ดสีผิวมีปริมาณมากขึ้นตามหลังภาวะการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่สามารถหายได้เองแต่ใช้เวลานานแต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นตุ่มหนองแนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการดูแลรักษาต่อไปนะคะ
ยังไงก็ตามแต่คุณพ่อคุณแม่ควรหาวิธีป้องกันยุงด้วย อย่างน้อยคนในครอบครัวและเจ้าตัวน้อยแสนซน ก็จะได้ไม่โดนยุงกัดผิวนุ่มๆ ที่น่ากอด แถมยังไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้เลือดออกด้วยค่ะ
ติดต่อ:
แผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์
โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก
pr@skinhospital.co.th