บีโอไอไฟเขียว 11 โครงการลงทุนหลังอุทกภัย มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในพื้นที่เดิม — มีโครงการใหม่ย้ายเข้าพื้นที่เคยท่วม

ข่าวทั่วไป Wednesday June 27, 2012 09:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--บีโอไอ คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย อนุมัติให้ 11โครงการเดินหน้าฟื้นฟูการลงทุน รวมมูลค่าเงินลงทุน 5,227 ล้านบาท โดยมี 6 ราย จะลงทุนในพื้นที่เดิม เพราะมั่นใจในแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล และมี 2 ราย ที่เป็นโครงการลงทุนใหม่มั่นใจขอย้ายเข้าลงทุนในพื้นที่ที่เคยท่วม ส่วนอีก 3 รายที่เคยประสบภัยขอย้ายไปที่ใหม่ เพื่อบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ บริหารจัดการขนส่ง ( logistic ) รวมทั้งการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและบริษัทในเครือมากขึ้น ม.ร.ว. พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการตามมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนแก่ 11 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 5,227.6 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. กิจการผลิตขนมขบเคี้ยว ของบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 2,387 ล้านบาท โดยโครงการนี้ เป็นการขยายกิจการของบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด และได้รับการส่งเสริมตามาตรการสำหรับโครงการใหม่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ทั้งนี้เนื่องจากโรงงานที่จังหวัดลำพูนใช้พื้นที่เต็มแล้ว จึงไม่สามารถขยายการผลิตได้ จึงมาตั้งโรงงานใหม่ที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้อยู่ใกล้กับคลังสินค้าของลูกค้าหลักๆ ในภาคกลาง 2. กิจการผลิตขนมขบเคี้ยว ของบริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 250 ล้านบาท โดยโครงการนี้ เป็นการขยายกิจการในพื้นที่เดิมของไทยกูลิโกะ เพื่อรองรับความต้องการในประเทศที่มีมากขึ้น รวมทั้ง ขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์กูลิโกะไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการส่งเสริมตามมาตรการสำหรับโครงการใหม่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยจะลงทุนในสวนอุตสาหกรรมบางกะดี จังหวัดปทุมธานี 3. กิจการผลิตเครื่องจักร สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท นิเด็ค แมทชีนเนอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 3.8 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัย โดยย้ายกิจการจากสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ไปตั้งใน จังหวัดปทุมธานี 4. กิจการเคลือบผิวชิ้นงานโลหะ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ของบริษัท บี เอส คามิยะ จำกัด มูลค่า 60 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัย โดยตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 5. กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับใช้ผลิต ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ ของบริษัท ชินเอ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 327 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัย โดยตั้งกิจการในที่ตั้งเดิมที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 6. กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะ สำหรับใช้ผลิต ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ ของบริษัท เซคชั่น เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 1,139 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัย โดยตั้งกิจการในที่ตั้งเดิมที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 7. กิจการผลิตกระจกสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท เอจีซี อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 890 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัย โดยจะย้ายกิจการจากเดิมที่ตั้งในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปตั้งที่เขตอุตสาหกรรมของ สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ที่จังหวัดลำพูน 8. กิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะ สำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มูลค่าเงินลงทุน 85 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัยโดยตั้งกิจการในที่ตั้งเดิมที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 9. กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก สำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท เซ็นต์ — เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าลงทุน 62 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัยโดยตั้งกิจการในที่ตั้งเดิมที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 10. กิจการผลิตสายไฟสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ของบริษัท เอม อิเล็กทริค (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 20 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัยโดยตั้งกิจการในที่ตั้งเดิมที่ อำเภอบางประหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 11. กิจการผลิตกล่องกระดาษลูกฟูก และพาเลทจากกระดาษลูกฟูก ของบริษัท ยามาดาน (ไทยแลนด์) จำกัด เงินลงทุน 3.8 ล้านบาท ได้รับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการจากวิกฤตอุทกภัยโดยจะย้ายกิจการจากสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ไปตั้งที่จังหวัดชลบุรี ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย ได้อนุมัติให้การส่งเสริม 6 โครงการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อเดินหน้าฟื้นฟูการลงทุน รวมมูลค่าเงินลงทุน 4,403 ล้านบาท โดย 5 ใน 6 ราย จะลงทุนในพื้นที่เดิม เพราะมั่นใจในแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอ ได้พิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤติอุทกภัย ทั้งมาตรการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายจากอุทกภัย มาตรการสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย มาตรการสำหรับนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมที่จะลงทุนเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันอุทกภัย และมาตรการสำหรับโครงการลงทุนใหม่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย “ หลังจากการพิจารณาอนุมัติโครงการในวันนี้ จะมีโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมภายใต้มาตรการสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยรอการพิจารณาอนุมัติอีก 42 โครงการ และมีโครงการใหม่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย รอการพิจารณาอนุมัติอีก 19 โครงการ” เลขาธิการบีโอไอกล่าว ปัจจุบัน มีบริษัทที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ได้รับการอนุมัติให้นำเข้าเครื่องจักรมาทดแทนเครื่องที่เสียหาย รวม 426 โครงการ รวมมูลค่าเครื่องจักร 97,176 ล้านบาท และมีโครงการลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมภายใต้มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งมาตรการสำหรับนิคมหรือ เขตอุตสาหกรรมที่จะลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการลงทุนใหม่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 78 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 41,489 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน
แท็ก บีโอไอ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ