KTAM เปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนใน-ตปท.ชูผลตอบแทน 3.15%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 31, 2012 13:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2555 บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 48 ( KTSUPB48 ) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝากประจำ Standard Chartered Bank ( Hong Kong ) Ltd , เงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า , MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. ( BRADES ) ในสัดส่วน 67% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือตราสารในประเทศ ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน บจ. อยุธยา แคปิตอล ออโต้ ลีสชิ่ง และ ตั๋วแลกเงินของ บมจ. แสนสิริ ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 5 ( KTFIX6M5 ) เน้นลงทุนพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 64% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ มีแรงขายทำกำไรในพันธบัตรระยะกลางถึงยาว หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.00% ต่อปี ด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ ขณะที่ตราสารหนี้ระยะสั้นมีแรงซื้อในพันธบัตรรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อเป็นแหล่งพักการลงทุน ทำให้ลักษณะเส้นอัตราผลตอบแทนระยะสั้นมีความลาดชันต่ำ (Flat curve) โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี มีอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงกันที่ระดับ 2.98 — 3.04% ต่อปี สำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าในกรอบ 31.50 — 31.90 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยเป็นผลจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่เริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะถดถอยลง ประกอบกับการเริ่มอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ หลังจากประธาน ECB และผู้นำประเทศเยอรมันและฝรั่งเศส ส่งสัญญาณจะดำเนินนโยบายเพื่อคงสถานะของกลุ่มยูโร ทำให้ตลาดกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง ทั้ง 2 กองทุน จึงเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับการลงทุนในช่วงเวลานี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ