อภัยภูเบศร เปิดตำรับอาหาร “ย้อนวันวาน...วิถีทางท่านเจ้าพระยา”

ข่าวทั่วไป Monday August 6, 2012 17:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--PR Network โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นับเป็นโรงพยาบาลที่มีการส่งเสริมให้เกิดการใช้สมุนไพร เพื่อการพึ่งตนเองของประชาชน ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ หนังสือ บทความเผยแพร่ในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ การเป็นวิทยากรในงาน รายการวิทยุ หรือโทรทัศน์ และกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ มาโดยตลอด และในวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 71 ปี วันสถาปนาโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทางศูนย์การเรียนรู้การดูแลสุขภาพภาคประชาชนด้านการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ร่วมกับวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ได้มีการจัดกิจกรรม “ย้อนวันวาน วิถีทางท่านเจ้าพระยา” ขึ้น เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตไทย ตำรับเมนูอาหาร ยาสมุนไพร การนวดไทย การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังแบบองค์รวม ถวายเป็นกุศลแด่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในงานมีการจัดนิทรรศการการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เรียนรู้การฝึกกายบริหารแบบไทย อาทิ ฤาษีดัดตน การสาธิตเมนูอาหารผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง กิจกรรมนวดถวายมือ โดยครูหมอนวดจากทุกภาค ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ซึ่งเป็นการให้บริการนวดรักษาให้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังมีการจำลองบรรยากาศตลาดโบราณ ที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร วิถีชีวิตชาวบ้านที่มีการพึ่งพิงอิงอาศัยธรรมชาติ ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยไม่มีการทำลายให้เกิดความสูญเสีย ผ่านวิถีต่างๆ อาทิ วิถีการใช้ประโยชน์จากตาล วิถีแห่งไผ่ หน่อไม้ และวิถีของกล้วย วิถีการใช้ประโยชน์จากตาล “ตาล” แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ตาลตัวผู้ ออกงวงเป็นช่อไม่มีผล เรียกว่า “จั่น” และมีทางใบวนไปทางซ้าย และตาลตัวเมียทางใบจะวนไปทางขวา และมีลูกเป็นช่อ เรียกว่า “ทะลายตาล” เป็นพืชพรรณที่อยู่คู่วิถีไทยมายาวนาน โดยเฉพาะในยุคของท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่มีการนำส่วนต่างๆ ของตาลมาใช้ประโยชน์อย่างมากมาย อาทิ ลำต้น ใช้ทำเรืออีโปง ทำกลอง เสา ไม้เท้า เก้าอี้ โต๊ะ ฯลฯ ใบตาลอ่อนใช้ทำเครื่องจักสาน ใบแก่ใช้ทำตาลปัตร หรือใช้มุงหลังคาบ้าน ผลตาลนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน อาทิ แกงเขียวหวานลูกตาล มีส่วนผสม คือ - น้ำพริกแกงเขียวหวาน 4 ช้อนโต๊ะ - ลูกตาลอ่อนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย - เนื้อไก่สับเป็นชิ้น 500 กรัม - หัวกะทิ 1 ถ้วย - หางกะทิ 4 ถ้วย - ใบมะกรูด 4-5 ใบ - พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด - ใบโหระพา 1 ถ้วย - น้ำเปล่า 4-5 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา วิธีทำ 1. เริ่มต้นด้วยการผัดพริกแกงเขียวหวานด้วยน้ำมันให้หอม เติมหัวกะทิ ผัดจนกะทิแตกมัน ใส่เนื้อไก่ผัดจนสุก 2. จากนั้นเติมหางกะทิลงในหม้อ ต้มจนน้ำแกงเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ 3. ใส่ลูกตาลอ่อน ต้มจนสุก และใส่ผักอื่นๆ ตามใจชอบ ลูกตาลเชื่อม มีวิธีทำง่ายๆ คือ 1. นำเนื้อลูกตาลแก่มาหั่นเป็นแว่น 2. ตั้งน้ำกับน้ำตาลบนเตาไฟ ใส่เกลือเล็กน้อย รอจนละลายหมด 3. นำลูกตาลลงเคี่ยวจนน้ำตาลงวดลง คนบ่อยๆ และเคี่ยวจนน้ำตาลติดเนื้อตาลจนกรอบ 4. เมื่อแห้งดีแล้วเก็บใส่ขวดโหลที่อบเที่ยนแล้ว วิถีแห่งไผ่ หน่อไม้ มีประโยชน์ทั้งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ในการทำมาหากิน มีสรรพคุณทางยา คือ ราก แก้ไตพิการ ขับปัสสาวะ, ใบ เป็นยาขับฟอกล้างโลหิตระดูที่เสีย, หน่อ มีเส้นใยสูง นำกากและสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันมะเร็ง และสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้ทั้งคาวและหวาน อาทิ แกงหน่อไม้ใบย่านาง มีส่วนผสม คือ - ใบย่านาง 20 ใบ - หน่อไม้ไผ่ตงแกะเปลือก 1 หน่อ(300 กรัม) - ฟักทองหั่นชิ้นใหญ่ 1 ถ้วย - น้ำพริกแกงที่โขลก 1/3 ถ้วย - น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ - เกลือ ? ช้อนชา - น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลทราย ? ช้อนชา - เห็ดฝางผ่าครึ่งดอก 7-8 ดอก - ข้าวเบือ(ข้าวสารแช่น้ำ) 3 ช้อนโต๊ะ - ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ - ใบแมงลัก 1 ด้วย - ผักแขยงเด็ด 1 ถ้วย - พริกขี้หนูสีแดง 5-6 เม็ด - เครื่องแกง 1/3 ถ้วย - พริกขี้หนูแห้ง 4 เม็ด - กระชายหั่น 6 ราก - ตะไคร้หั่นท่อนทุบ 2 ต้น -หอมแดงซอย 3 หัว - ปลาอินทรีเค็มทอดพอสุก 1 ชิ้น วิธีทำ 1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ถ้วย พักไว้ 2. โขลกใบย่านางพอหยาบตักใส่อ่างผสม ใส่น้ำ 3 ถ้วยครึ่ง คั้นจนน้ำมีสีเขียวเข้ม กรองเอาแต่น้ำให้ได้ปริมาณ 3 ถ้วยเตรียมไว้ 3. หั่นหน่อไม้เป็นแผนบาง นำไปต้มในหม้อน้ำ ใส่เกลือและน้ำตาลเล็กน้อย ต้มด้วยไฟกลางจนหมดรสขมและน้ำแห้ง ยกลง 4. ใส่น้ำใบย่านาง ฟักทอง เกลือ น้ำปลาร้า และน้ำตาล คนพอเข้ากัน แล้วยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง พอฟักทองสุก ใส่เห็ดฟาง ข้าวเบือ พอเห็ดสุก ใส่ใบมะกรูด ใบแมงลัก ผักแขยง และพริกขี้หนู คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลง 5. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟร้อนๆ ขนมหน่อไม้ มีส่วนผสม คือ - แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม - แป้งมัน 1 กิโลกรัม - น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม - น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม - หัวกะทิ 1 กิโลกรัม - มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม - หน่อไม้ไผ่ตง 1 กิโลกรัม - ใบตอง/ไม้กลัด 1 กิโลกรัม วิธีทำ 1. ปอกเปลือกหน่อไม้ ซอยเป็นชิ้นฝอยๆ แล้วสับให้ละเอียด 2. นำหน่อไม้ที่สับแล้วไปต้มจนจืด ประมาณ 30 นาที จากนั้นกรองให้สะเด็ดน้ำ 3. นำหน่อไม้ที่ได้ใส่ชามขนาดปานกลาง เทแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย น้ำตาบปี๊บเล็กน้อย หัวกะทิพอประมาณ คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ 4. นำแป้งที่ผสมได้ไปห่อกับใบตอง แล้วนำไปนึ่งไฟปานกลางประมาณ 20-30 นาที วิถีของกล้วย การใช้ประโยชน์จากกล้วย สมุนไพรที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน และถือได้ว่าเป็นพญาแห่งพืชพรรณ ที่มีการนำไปใช้ในพิธีกรรมต่างๆ อาทิ พิธีทางศาสนา พิธีทำขวัญเด็ก งานศพ และใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ใบตองใช้ในการห่ออาหาร ทั้งอาหารสด นึ่ง ต้มและปิ้ง กาบกล้วยใช้ทำเชือกกล้วยหรือสานเป็นภาชนะ กระเป๋า ต้นกล้วยใช้เป็นทุ่นลอยน้ำ ทำแพ ก้านกล้วยใช้มัดของและทำของเล่นให้เด็ก เช่น ม้าและปืนก้านกล้วย ส่วนหยวกกล้วย หัวปลี กล้วยดิบ กล้วยสุก ก็สามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งสิ้น อาทิ แกงส้มหยวกกล้วย มีส่วนผสม คือ - กุ้ง 3 ขีด - เนื้อปลากระเจาะ 5 ตัว - ต้นกล้วยอ่อนหั่นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วย - ผักแขยง (ผักกะออม) - ใบกระเพรา - ตะไคร้ 2 ต้น - ใบมะกรูด 3-4 ใบ - ขมิ้นชัน 1 หัว - กระเทียม 2 หัว - ปลาร้า - น้ำปลา - น้ำตาล - น้ำมะขามเปียก วิธีทำ 1. นำตะไคร้ ใบมะกรูด หั่นเป็นชิ้นๆ ใส่หม้อ ตั้งไฟจนเดือด 2. ใส่ปลากระเจาะ กุ้ง ลงในหม้อ 3. ใส่ต้นกล้วยอ่อนหั่นสี่เหลี่ยม ปรุงรสด้วยน้ำปลา ปลาร้า มะขามเปียก น้ำตาล ชิมรสตามใจชอบ 4. ใส่ผักแขยง ใบกระเพรา หรือต้นหอมก็ได้ ขนมกล้วย มีส่วนผสม คือ - กล้วยน้ำว้า 8 - 10 ลูก (ปอกเปลือกและบดให้เละ) - แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง - แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง - น้ำตาล 1 1/4 ถ้วยตวง - เกลือป่น 1/2 ช้อนชา - หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง - เนื้อมะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง วิธีทำ 1. นำกล้วย, แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน, น้ำตาล, เกลือ, หัวกะทิ และเนื้อมะพร้าวขูดผสมกัน แล้วนวดด้วยมือจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว 2. ตักส่วนผสมที่ได้ลงในถ้วยหรือใบตอง แล้วนำเนื้อมะพร้าวขูดขาวโรยหน้า 3. นำไปนึ่งประมาณ 30 นาที หรืออาจนำไปอบโดยใช้ความร้อนประมาณ 180 องศาเซลเซียส 30 นาที 4. เมื่อสุกแล้ว ให้นำออกจากแบบ เสริฟได้ทั้งขณะร้อนและเย็น “กล้วย” นอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลแล้ว ยังมีโปรตีน และเกลือแร่ต่างๆ อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และมีวิตามินเอ บี อี ซี จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นอาหารเลี้ยงทารกนอกจากนี้ในกล้วยยังมีไฟโตเคมิคอลอีกหลายชนิดที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ และป้องกันมะเร็งอีกด้วย ติดต่อ: 037211289

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ