“เอซุส โอพี บีจี” เดินหน้าส่งผลิตภัณฑ์เร้าท์เตอร์ฟีเจอร์ใหม่ “AiCloud” ตอบสนองทุกการเชื่อมต่อภายในบ้าน พร้อมเผยผลประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์ เน็ตเวิร์คโซลูชั่นโตสวนกระแสตลาดไอที มั่นใจสิ้นปีโตขึ้นกว่า 200%

ข่าวเทคโนโลยี Thursday August 9, 2012 14:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--เอซุส โอพี กลุ่มธุรกิจโอเพ่น แพลตฟอร์ม (โอพี บีจี) บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนามาเธอร์บอร์ดชั้นนำที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2555 ของกลุ่มธุรกิจโอเพ่น แพลทฟอร์ม ด้วยยอดขายรวมถึงกว่า 700 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไวร์เลสเน็ตเวิร์คมากขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์การสร้างตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มโฮมโซลูชั่น (Home Solutions) ตลอดทั้งปีด้วยการเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์เร้าท์เตอร์ใหม่ล่าสุดที่โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ AiCloud ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกในการแบ่งปันข้อมูลบนเครือข่ายส่วนตัวจากทุกจุดภายในบ้าน เพื่อเติมเต็มความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว พร้อมอัดงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาทเพื่อใช้ในการสื่อสารทางการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ โดยเน้นการจัดงานอีเว้นท์และโร้ดโชว์ร่วมการพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มั่นใจสิ้นปี 2555 กลุ่มธุรกิจโอพี บีจี จะสามารถสร้างรายได้รวมทะลุ 1,600 ล้านบาทอย่างแน่นอน คุณมนต์ธีร์ วุฒิรงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจโอเพ่น แพลทฟอร์ม บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ปัจจุบันเอซุสเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในส่วนของอุปกรณ์ไอทีคอมโพเน้นต์ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 55% โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 ที่ผ่านมาในส่วนของกลุ่มธุรกิจโอพี บีจีของเอซุส ซึ่งประกอบด้วยสินค้ามาเธอร์บอร์ด วีจีเอการ์ด ไวร์เลสเน็ตเวิร์ค จอแอลซีดี รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ มี รายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ในปีนี้ที่เพิ่งปิดยอดไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจโอพีมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท โดยยังคงมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มมาเธอร์บอร์ดเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่สร้างรายได้สูงสุดกว่า 60% ตามมาด้วยวีจีเอการ์ด 25% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตอย่างน่าจับตามองคืออุปกรณ์เครือข่ายแบบไร้สายที่ 5% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากถึง 200% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา” “สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 ที่ผ่านมา เอซุสมีการเติบโตตามกระแสการใช้อุปกรณ์โมบายล์ดีไวซ์ (Mobile device) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการใช้งานภายในบ้านที่มีชิ้นอุปกรณ์มากขึ้น ทำให้สมาชิกในบ้านมีความต้องการใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่ตอบโจทย์ที่เร้าท์เตอร์ธรรมดาไม่สามารถทำได้ รวมถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเน็ตเวิร์คโซลูชั่นที่รองรับช่องสัญญาณมากชึ้น ทำให้เอซุสสามารถสานต่อกลยุทธ์ในการสร้างตลาดผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดโฮมโซลูชั่น (Home Solutions) ที่เราเน้นทำตลาดตลอดปี 2555 นี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์โฮมโซลูชั่นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก ‘เกมมิ่ง แอท โฮม’ (Gaming at home) หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ สำหรับคอเกม เช่น เดสก์ท็อป มาเธอร์บอร์ด และวีจีเอการ์ด กลุ่มที่สอง คือ กลุ่ม ‘มัลติมีเดียเพื่อความบันเทิงภายในบ้าน’ (Multimedia at home) เช่น อุปกรณ์มัลติเพลย์เยอร์คุณภาพสูง O!Play และอุปกรณ์แปลงสัญญาณอะนาล็อกเป็นดิจิตอลอย่าง Xonar Essence One DAC ที่ช่วยให้เกิดสุนทรียภาพในการฟังเพลงในระดับไฮไฟ และกลุ่มที่สาม คือ กลุ่ม ‘โฮมออฟฟิศ’ (Office at home) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการทำงานตั้งแต่ระดับทั่วไปไปจนถึงระดับไฮเอ็นด์ เช่น งานกราฟฟิกส์ งานออกแบบ งานด้านสถาปนิก ฯลฯ โดยประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ อาทิ เดสก์ท็อป ออลอินวันพีซี และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ โดยการใช้งานสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฮมโซลูชั่นนี้ล้วนมีพื้นฐานอยู่บนหลักการเดียวกันคือการสร้างการเชื่อมต่อที่ง่ายดาย มีความเสถียร และช่วยแบ็คอัพข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทำให้ไวร์เลสเร้าท์เตอร์กลายเป็นอุปกรณ์หลักที่เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเครือข่ายภายในบ้านที่มีประสิทธิภาพดังกล่าว และเป็นที่มาของการเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ไวร์เลสเร้าท์เตอร์ใหม่ล่าสุดของเราที่มาพร้อมระบบ AiCloud ในวันนี้ โดยมีรุ่น ASUS RT-AC66U เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในการทำตลาดของเรา” คุณมนต์ธีร์กล่าวเสริม “ในปัจจุบันมีแนวโน้มการใช้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์ตามเมืองใหญ่ๆ ในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลให้มีอัตราการเข้าถึงการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์โมบายล์ดีไวซ์เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันในตลาดกรุงเทพฯ เริ่มมีเทคโนโลยีการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเคเบิ้ลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพที่สูงขึ้นรวมถึงความเสถียรและราคาที่ใกล้เคียงกับเทคโนโลยีบรอดแบนด์ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวทำให้เอซุสได้พัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์เร้าท์เตอร์ ADSL ที่สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์เพื่อรองรับการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเคเบิ้ลได้อีกด้วย โดยราคาเฉลี่ยต่อชิ้นของผลิตภัณฑ์ไวร์เลสเร้าท์เตอร์เอซุสในช่วงครึ่งปีแรก 2555 เพิ่มขึ้นประมาณ 25% และคาดว่าจะโตเพิ่มอีก 10% ในช่วงครึ่งปีหลัง” คุณธีรวุฒิ โรจนะมารีวงศ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เน็ตเวิร์คโซลูชั่น กลุ่มธุรกิจโอเพ่น แพลทฟอร์ม บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางด้านเน็ตเวิร์คได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติเราจะคุ้นเคยกับบริการ Cloud Storage ซึ่งใช้เก็บข้อมูลและคอนเท้นต์ต่างๆ ไว้บนฐานข้อมูลออนไลน์ หรือที่รู้จักกันในรูปแบบของ Public Cloud แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดของบริการ ซึ่งผู้ใช้ไม่สามารถจัดการขนาดไฟล์หรือประเภทของไฟล์ที่เก็บไว้ได้ด้วยตนเอง ทำให้เอซุสเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้และได้พัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของ Cloud Storage ได้ด้วยตัวเอง ภายใต้ชื่อระบบ ‘AiCloud’ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นในรูปแบบของ Cloud-Based Storage หรือเครือข่ายแบบ Cloud Storage ที่ใช้ภายในบ้านผ่านการทำงานของเร้าท์เตอร์ตัวใหม่จากเอซุส เช่น รุ่น ASUS RT-AC66U โดยระบบนี้จะเปลี่ยนเร้าท์เตอร์ให้กลายเป็นศูนย์กลางการใช้งานทางด้านอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายภายในบ้าน ผ่านการรับส่งข้อมูลระดับ 2.4 GHz หรือขยายเป็น 5 GHz ที่สามารถรองรับการส่งไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้ในความเร็วสูง โดยใช้เทคโนโลยีบีบอัดขนาดของไฟล์และรับส่งข้อมูลใหม่ล่าสุด ‘Wi-Fi 802.11ac’“ “ด้วยระบบนี้ผู้ใช้งานจะสามารถเรียกใช้งานข้อมูลทุกอย่างบน Flash Drive หรือ External Hard-drive ที่เชื่อมต่อเข้ากับเร้าท์เตอร์ได้จากทุกที่ ซึ่งคุณสามารถที่จะเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำได้ตามใจ หรือเลือกเก็บไฟล์ใดๆ ก็ได้ตามการใช้งานของคุณ โดยระบบนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลบน Public Cloud ทั่วไป หรือเชื่อมต่อแบบ Private Cloud กับอุปกรณ์โมบายล์ดีไวซ์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเบล็ต หรือโน้ตบุ๊ค และเร้าท์เตอร์ของสมาชิกในเครือข่ายส่วนตัวที่เรากำหนดขึ้นเอง เอื้อประโยชน์ให้สามารถดึงไฟล์ข้อมูลและแบ็คอัพข้อมูลต่างๆ จากภายในบ้านหรือจากจุดที่อยู่ห่างกันได้ เช่น ถ้าคุณอยู่ที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯ คุณก็สามารถดึงข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศที่เชียงใหม่ได้ทันที โดยผ่านการใช้งานในรูปแบบ URL ที่ใช้ได้กับแอพพลิเคชั่นบนระบบปฎิบัติการ Android และ iOS ซึ่งการใช้งานนี้เรียกว่า ‘Smart Access’นั่นเอง ให้คุณจินตนาการว่าคุณมีเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเป็นของตัวเองที่นอกจากจะเก็บข้อมูลแล้ว ข้อมูลเหล่านั้นยังออนไลน์ตลอดเวลา สามารถเข้าถึงทุกไฟล์ได้ทุกนาที สามารถ Stream หรือรับชมข้อมูลรับฟังใช้งานไฟล์ต่างๆ ได้แบบออนไลน์รวดเร็ว ผ่านการรับส่งข้อมูลทั้งในระดับ 2.4 GHz และ 5 GHz ที่สามารถ Stream ไฟล์ระดับ HD ได้อย่างไม่มีการกระตุก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเก็บไฟล์ไว้บนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตให้เปลืองพื้นที่อีกต่อไป เพราะด้วยผลิตภัณฑ์ไวร์เลสเร้าท์เตอร์ใหม่นี้ คุณจะสามารถเรียกใช้งานไฟล์ที่เก็บอยู่บน AiCloud เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิตอลของผู้บริโภคในปัจจุบัน” คุณธีรวุฒิ กล่าวต่อไป คุณมนต์ธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในครึ่งปีหลัง 2555 นี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มงบการตลาดกว่า 2 เท่า โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธุรกิจโอพีบีจี เพื่อใช้ในการสื่อสารทางการตลาด โดยเราจะยังคงเน้นการตลาดแบบบีโลว์เดอะไลน์ (Below-the-line) ซึ่งกิจกรรมที่เด่นๆ ได้แก่การร่วมกับพันธมิตรในการจัดงานอีเว้นต์และโร้ดโชว์ ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองสำคัญๆ ในต่างจังหวัด โดยเรามีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสให้เอ็นด์ยูสเซอร์ได้เข้ามาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเอซุสก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดยตัดสินจากคุณสมบัติและประโยชน์ด้านการใช้งานจากประสบการณ์จริง ซึ่งในปีนี้กิจกรรมหลักของเราคือการร่วมเป็นพันธมิตรกับ True Digital Plus ในการสนับสนุนการแข่งขัน ‘GG E-sport Champion League 2012 by ASUS’ ที่ยังคงมีการแข่งขันอยู่อย่างต่อเนื่องไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศของทุกประเภทในช่วงสิ้นปี รวมถึงการเปิดตัวแคมเปญใหม่ร่วมกับค่ายหนังวอร์เนอร์ (Warner Brothers) ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในแคมเปญ ‘ASUS: The Dark Knight Rises’ ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถแลกของพรีเมี่ยมต่างๆ รวมถึงบัตรชมภาพยนตร์ Batman: The Dark Knight Rises อันเป็นการส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดพิเศษให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เข้าชมสุดยอดภาพยนตร์ที่ทั่วโลกรอคอยก่อนใครในประเทศไทยอีกด้วย” “ทางบริษัทฯ หวังว่าในปี 2555 นี้ เราจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เน็ตเวิร์คโซลูชั่น ได้มากกว่า 10 % รวมถึงรั้งตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ด และวีจีเอการ์ด ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายรวมกว่า 1,600 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้” คุณมนต์ธีร์ กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ