กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--เบบี้มายด์
เบบี้มายด์ เปิดตัว Babi Mild Ultra Mild Organic กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับความพรีเมี่ยมยกระดับคุณภาพด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและครอบครัว หวังสร้างอัตราเติบโต 10-12 %พร้อมกลยุทธ์การตลาดเต็มรูปแบบครบวงจรพร้อมเปิดตัวแคมเปญจ์ LOVE BEING AN ORGANIC MOM
เบบี้มายด์ ผู้นำผลิตภัณฑ์ด้านสินค้าเพื่อสุขภาพและการดูแลเด็กและครอบครัวเปิดตัว BABI MILD UTLRA MILD ORGANIC ชูจุดเด่นวัตถุดิบออร์แกนิคจากธรรมชาติ ตอบรับไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ที่ใส่ใจพิถีพิถันสินค้าคุณภาพ วางกลยุทธทางการตลาดสินค้าพรีเมี่ยม ควอลิตี้ เติมเต็มทุกกลุ่มเป้าหมาย A & B พร้อมจัดกิจกรรม LOVE BEING AN ORGANIC MOM ดึงแม่ลูกผู้รักธรรมชาติ 30 คู่ ร่วมการทดลองค้นหาช่วงเวลาแห่งภาพประทับใจของเด็กน้อย ผ่านมุมมองผู้กำกับและช่างภาพชื่อดังครั้งแรกในประเทศไทย ต่อยอดภาพลักษณ์แบรนด์ชั้นนำ เพื่อสร้าง Sustainable Loyalty ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มพรีเมี่ยม 4-5 % ตลอดจนสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในภาพรวม
น.ส.ต้องหทัย กุวานนท์ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเปิดเผยว่าทางบริษัทเล็งเห็นว่าการเลือกสินค้าอุปโภคบริโภคในปัจจุบันผู้บริโภคมีความใส่ใจในการคัดเลือกวัตถุดิบมากขึ้นตลอดจนตลาดกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลเด็กและครอบครัวมีการ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางการขยายตัวปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่คัดเลือกสินค้าคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อเด็กและครอบครัวนั้นมีความพิถีพิถันกับสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดทางเบบี้มายด์ได้เล็งเห็นถึงทิศทางการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยเปิดตัวกลุ่ม BABI MILD ULTRA MILD ORGANIC เป็นสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม ควอลิตี้ ที่เลือกวัตถุดิบออร์แกนิคจากธรรมชาติเป็นจุดเด่น
ทั้งนี้ ภาพรวมของมูลค่าทางการตลาดของสินค้าเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กและครอบครัวนั้น ส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์เบบี้มายด์ อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 5% โดยแบ่งเป็นกลุ่มสินค้า Baby Bath มูลค่าตลาดอยู่ที่ 585.8 ล้านบาท การเติบโตต่อเนื่อง 8.3 % โดยแบรนด์เบบี้มายด์ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 37.1 % สูงเป็นอันดับ 1 มีอัตราการเติบโต 14.4% ส่วนตลาดมอยซ์เจอไรเซอร์เด็กนั้นมีมูลค่าทางการตลาด 606 ล้านบาท มีการเติบโต 2 % ซึ่งในกลุ่มนี้แบรนด์เบบี้มายด์เองมีส่วนแบ่งการตลาด 18.5 % และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 54.5 % โดยแบรนด์เบบี้มายด์วางเป้าหมายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ด้านผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลเด็กและครอบครัว ตามปรัชญาการตลาด ความเป็น Natural N’ Mild ที่มีความอ่อนโยน บริสุทธิ์ ปลอดภัย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้บริโภคที่ต้องการความอ่อนโยนและปลอดภัยโดยเฉพาะเด็กอ่อน การเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Babi Mild Ultra Mild Organic ประกอบด้วย โฟมอาบน้ำ โลชั่น มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และแป้ง ครั้งนี้ มองเป้าหมายผู้บริโภคเป็นกลุ่มพรีเมี่ยมที่คัดครรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ โดยมีส่วนผสมหลักคือ Wheat Bran extract และ Olive Oil จากสารสกัดออแกนนิกบริสุทธิ์จากธรรมชาติ
นอกจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักภายในประเทศแล้ว บริษัทวางแผนจะเพิ่มศักยภาพทางด้านการส่งออก ตอบรับการเปิดเสรีการค้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ที่จะมีในปี 2558 โดยมีนโยบายชัดเจนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากชึ้น สำหรับแบรนด์เบบี้มายด์ได้เข้าไปทำตลาดในอินโดไชน่าระยะหนึ่งแล้ว โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก
สำหรับกิจกรรม Love Being An Organic Mom ครั้งนี้ เพื่อค้นหาช่วงเวลาพิเศษของเด็กอ่อนเมื่อได้สัมผัสธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น เสียง สัมผัส ผ่านกระบวนการจากผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัตถุดิบออร์แกนิกธรรมชาติรวมกับการเป็นครอบครัวที่ดีสามารถส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก เมื่อวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติที่อ่อนโยน ไม่ระคายผิว ได้ผ่านขั้นตอนกระบวนการทางการผลิตที่ปลอดภัย บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ทันสมัยและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือทำให้กับคุณแม่ความมั่นใจ การทดลองครั้งนี้เป็นกิจกรรมการทดลองเด็กอ่อนถึง 30 คู่ สังเกตการณ์ผ่านเลนสช่างภาพและผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเพื่อค้นหาปฏิกิริยาหลังได้สัมผัสกับองค์ประกอบทางธรรมชาติบริสุทธิ์ โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะตอกย้ำกลุ่มเป้าหมายที่มีความพิถีถันเป็นพิเศษและเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางการตลาดสูงสุด ให้เข้าใจและรับรู้ถึงประโยชน์ของการเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพ
ด้านการคาดการณ์รายได้ในปี 2555 พร้อมอัตราการเติบโตของ เบบี้มายด์ นั้น นางสาวต้องหทัย กุวานนท์ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ผลจากการทำตลาดของ BABI MILD ULTRA MILD ORGANIC ไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 10-12% ซึ่งสามารถต่อยอดภาพลักษณ์แบรนด์ที่เน้นเพื่อสร้าง Sustainable Loyalty ตลอดจนสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในภาพรวมอีกด้วย