กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
- ครึ่งปีหลังอัดกิจกรรม Below the Line แบบเต็มสูบ หวังก้าวสู่เบอร์หนึ่ง -
ก.เจริญ ทอยส์ สบช่องวางกลยุทธ์เจาะตลาดเกร์ลทอยส์ ล่าสุดจับมือยักษ์ใหญ่ 3 แบรนด์ดังจากญีปุ่นประกอบด้วย โตมี่ ทาการ่า และเอป๊อค เตรียมออกสินค้าหลายสไตล์เจาะกลุ่มลูกค้าในทุกกลุ่มอายุ วาดฝันปลายปี 47 กวาดกว่า 60 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์การทำตลาดแบบตีโอบผ่านกิจกรรม Below the Line ตามโมเดิร์นเทรดและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
นายวีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ก.เจริญ ทอยส์ จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจของเล่นระดับพรีเมี่ยมชั้นแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดของเล่นเด็กผู้หญิงในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีแบรนด์ใหญ่ส่งผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มการแข่งขันของเล่นกลุ่มนี้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากดูตัวเลขเฉลี่ยโดยรวมของตลาดทอยส์ทั้งหมดประมาณ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 9,000 ล้านบาท และนำเข้าประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งของเล่นนำเข้าเจาะกลุ่มระดับพรีเมี่ยม 30% (1,200 ล้านบาท) และตลาดล่างอีกประมาณ 70% (2,800 ล้านบาท) อัตราการเติบโตของธุรกิจของเล่นเด็กผู้หญิงไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มตุ๊กตา เพิ่มขึ้นจากเดิม 160 ล้าน เป็น 390 ล้านบาท (โตขึ้นประมาณ 40%) แต่เนื่องจากของเล่นกลุ่มนี้มีแบรนด์ลีดเดอร์อยู่เพียงไม่กี่ราย ทำให้ในช่วงต้นปี 47 มานี้ ยังไม่มีแบรนด์ใดที่มีการทำการตลาดในกลุ่มของเล่นเด็กผู้หญิงระดับ Hi-End นี้อย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ตลาดของเล่นเด็กผู้หญิงถือได้ว่าเป็น Segment ที่ใหญ่พอสมควร ทาง ก.เจริญ ทอยส์ เองจึงเล็งเห็นช่องว่างและโอกาสตรงจุดนี้ จึงมีแผนมุ่งทำการตลาดของเล่นเด็กผู้หญิงอย่างจริงจัง เพื่อเน้นเจาะตลาดให้ครอบคลุมในทุกความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และได้ผนึกกำลังสร้างพันธมิตรจับมือกับ 3 แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ได้แก่ โตมิ (TOMY), ทาการ่า (TAKARA), เอป๊อค (EPOCH) ลุยตลาดเกิร์ลทอยส์ เพื่อตอบรับความต้องการลูกค้ากลุ่มนี้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งของเล่นกลุ่มนี้สามารถแบ่งออกเป็น 4 Segment ใหญ่ๆ ประกอบด้วย Doll ซึ่งเป็น Segment ใหญ่ของตลาดกลุ่มนี้ Handy Craft เป็นกิจกรรมที่เอาใจผู้ที่รักงานประดิษฐ์ประดอย Role Play ของเล่นที่จำลองบทบาทสมมติ ที่สร้างจินตนาการและเสริมทักษะได้เป็นอย่างดี Character Toys เป็นของเล่นที่ถ่ายทอดผ่านความน่ารักของตัวการ์ตูนดัง อาทิ ดิสนีย์, แฮมทาโร่ เป็นต้น
“ก.เจริญ ทอยส์ ผนึกกำลัง 3 แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น คือ โตมิ, ทาการ่า และเอป๊อค นั้น ทำให้วันนี้เรากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง เพราะของเล่นทั้ง 3 แบรนด์นี้สามารถครอบคลุมความต้องการของตลาดเกิร์ลทอยส์ได้ทั้ง 4 Segment โดยใน Segment แรก ซึ่งเป็นกลุ่มของตุ๊กตานั้น ทางเราได้ส่ง “เจนนี่ - ลิกกะจัง” (Jenny & Licca จากทาการ่า) ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่นำเสนอความน่ารักสดในสไตล์สาวเอเชียตามกระแสนิยม J-Pop และ K-Pop ในขณะนี้ และระดับคุณภาพของสินค้าที่จัดอยู่ในระดับพรีเมี่ยม นับเป็นทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มผู้เล่นตุ๊กตาอีกทางหนึ่ง ส่วนโตมิ ได้ดึง “มิกกี้ เมาส์ และวินนี่ เดอะ พูห์” 2 คาแรคเตอร์ดังจากการ์ตูนวอลท์ ดิสนีย์ เน้นของเล่นแบบ Role Play อาทิ ชุดครัวมิกกี้และพูห์, ตู้เย็น, เตาอบ, เตารีด, เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ ซึ่งบางชิ้นจำลองวิธีการทำงานมาจากของจริง สามารถเสริมทักษะและพัฒนาการในด้านต่างๆ ของหนูน้อย ทางด้านเอป๊อคส่งเจ้าหนูจอมป่วน “แฮมทาโร่และเพื่อนจอมซ่า” ลุยตลาดของเล่นแบบ Play Set เน้นคาแรคเตอร์ดัง สามารถต่อเล่นเป็นสวนสนุก หรือเป็นของสะสมน่ารักๆ ได้ นอกจากนี้ยังมี “Sylvanian Family ครอบครัวตัวจิ๋ว” รองรับกลุ่มนักสะสมอีกด้วย” นายวีระรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ก.เจริญ ทอยส์ มีการวางกลยุทธ์โดยอาศัยช่องว่างของตลาดของเล่นเด็กผู้หญิงซึ่งมีการทำการตลาดกันน้อย เพราะในปัจจุบันมีแบรนด์ใหญ่ครองตลาดอยู่เพียงไม่กี่แบรนด์ ทำให้มีการแข่งขันน้อยมาก ซึ่งเชื่อว่าการที่ ก.เจริญ ทอยส์ เข้ามาเจาะตลาดของเล่นกลุ่มนี้น่าจะทำให้ของเล่นกลุ่มเกิร์ลทอยส์มีสีสันและคึกคักขึ้น เพราะเราอาศัยความ Variety ของสินค้าเป็นตัวเจาะตลาดซึ่งมีดีมานด์อยู่พอสมควร และใช้ “กลยุทธ์การตีโอบ” มาเป็นตัวบุกตลาดอย่างจริงจัง อาศัยช่องทางการสื่อสารแบบ Below The Line ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้โดยตรงในทุกรูปแบบ ซึ่งงบประมาณทางการตลาดของบริษัทฯ ในปี ’47 โดยรวมประมาณ 20 ล้านบาท นอกจากนี้ จุดแข็งที่สำคัญของก.เจริญ ทอยส์ คือผสานความแกร่งของ 3 แบรนด์หลัก โดยยึดหลัก “M-L-C” คือ M=Modern, L=Lovely และ C=Classic ซึ่งแบรนด์ใหญ่ในตลาดยังไม่มี Product Line ที่ครอบคลุมตลาดได้มากเช่นเรา ถือได้ว่านี่เป็นช่องทางและโอกาสดีที่ ก.เจริญ ทอยส์ จะสามารถแบ่ง Market Share จากแบรนด์ใหญ่ได้ไม่ยาก
“จากตัวเลขในปี ’46 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของธุรกิจของเล่นเด็กผู้หญิงไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มตุ๊กตา เพิ่มขึ้นจากเดิม 160 ล้าน เป็น 390 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 40% แสดงว่าแนวโน้มตลาดของเล่นในกลุ่มนี้ยังสามารถเติบโตได้อีก โดยก.เจริญ ทอยส์ กวาดยอดขายในครึ่งปีแรกรวม 20 ล้าน (เทียบจากปีที่แล้วเพียง 7 ล้าน) และในช่วงครึ่งปีหลังนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 40 ล้านบาท รวมยอดขายสินค้ากลุ่มของเล่นเด็กผู้หญิงในปี ’47 นี้ประมาณ 60 ล้านบาท” นายวีระรัตน์กล่าวเสริม
ด้านแนวโน้มเทรนด์ของเล่นในปัจจุบัน จะสังเกตได้ว่าของเล่นในกลุ่มบอยทอยส์ (Boy Toy) และเกิร์ลทอยส์ (Girl Toy) จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นส่วนประกอบสำคัญในของเล่น จะเห็นได้จากแบรนด์ดังๆ ในตลาด หรือแม้แต่โตมิเองก็ได้พัฒนาของเล่นเพื่อรองรับตลาดกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ตลาดของเล่นในอดีตนั้นของเล่นเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ตลาดในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีและความทันสมัยเป็นกลไกสำคัญในการขจัดเส้นกลางระหว่างของเล่นเด็กหญิงและเด็กชาย ทำให้ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายสามารถเล่นของเล่นชนิดเดียวกันได้ เพียงแต่ของเล่นเด็กผู้ชายจะเน้นเทคโนโลยีและการแข่งขัน ส่วนของเล่นเด็กผู้หญิงจะต้องผสมผสานเทคโนโลยีกับความน่ารักได้อย่างลงตัว โดยทางโตมิถือเป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกตลาดมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน และได้มีการพัฒนากลไกตรงส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากไมโครเพ็ทส์, ไมโคร เบบี้ส์, โนโฮฮน และล่าสุด ไมโคร แด๊นซ์เซอร์ ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้น่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดของเล่นอย่างจริงจัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ อุดมลักษณ์ จิระฤทธิ์ธำรง, ครองใจ เอกเสน
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด อภิชญา กียาพีระพัฒน์
02-951-9119, 01-890-3568, 01-515-0561
01-567-1081,09-536-7724--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--