ปตท. เผยครึ่งปีแรก ปตท. มีกำไรสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท

ข่าวทั่วไป Monday August 16, 2004 14:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--ปตท.
ผลประกอบการ ปตท. และบริษัทย่อยในครึ่งปีแรกของปีนี้ ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลให้การบริโภคพลังงานขยายตัว กอปรกับมีการปรับตัวสูงขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ ทั้งน้ำมันและโดยเฉพาะปิโตรเคมีรวมทั้งค่าการกลั่นตามตลาดโลก มีผลให้ ปตท.และบริษัทย่อยมีรายได้รวม เพิ่มขึ้นประมาณ 18 % และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 9.42 บาท เพิ่มขึ้นประมาณ 47.8 % โดยกำไรประมาณ 36% หรือประมาณ 3.42 บาท/หุ้น เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม ทั้งนี้จากผลประกอบการและฐานะการเงินที่ดีของ ปตท. จะสนับสนุนให้ ปตท. มีความพร้อมสำหรับแผนการลงทุนมูลค่ารวมประมาณ 150,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงาน และปิโตรเคมี ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)แถลงผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2547 ว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการอุปโภคและบริโภคของภาคเอกชนที่ขยายตัวสูง ส่งผลให้ปริมาณการใช้ปิโตรเลียมโดยรวมของประเทศสูงขึ้น กอปรกับราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำมันและโดยเฉพาะปิโตรเคมีรวมถึงค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงตั้งแต่ต้นปีมานี้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวม 287,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43,953 ล้านบาท หรือ 18% มี EBITDA (รายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา) 37,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% และมีกำไรสุทธิ 26,357 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น จำนวน 9.42 บาท หรือเท่ากับเพิ่มขึ้น 47.8 %โดยกำไรประมาณ 36% หรือ 9,564 ล้านบาท มาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย ในบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่นซึ่งมีผลประกอบการดีขึ้น เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และค่าการกลั่นที่ดีขึ้นมาก
สำหรับผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 2 ในปี 2547 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 150,673 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2546 จำนวน 31,140 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.1% มี EBITDA จำนวน 19,431 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.4% มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 5,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 673 %และมีกำไรสุทธิ 14,083 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 7,262 ล้านบาท หรือ 106.5 %
นายประเสริฐ กล่าวว่า แม้ทิศทางของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะของตลาดโลก แต่ปริมาณการใช้น้ำมันของประชาชนมิได้ลดลง ทั้งนี้ กลับปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเห็นได้จากปริมาณขายของกลุ่มธุรกิจน้ำมันในไตรมาสที่ 2 มีปริมาณขาย 10,405 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 949 ล้านลิตร หรือ 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้สามารถจำหน่ายก๊าซฯได้ 2,784 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (ที่ค่าความร้อน 1,000 บีทียูต่อ 1 ลูกบาศก์ฟุต) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย คือ 2.9 % เนื่องมาจากความต้องการใช้ก๊าซฯที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนของการผลิตไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก ลูกค้าอุตสาหกรรม และโรงแยกก๊าซฯ ส่วนปริมาณการขายผลิตภัณฑ์รวมของโรงแยกก๊าซฯมีจำนวน 674,214 ตัน เพิ่มขึ้น 3.34% จากไตรมาสที่ 2 ของปี 2546
สำหรับ ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 นั้น ปตท. และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์มูลค่ารวมทั้งสิ้น 364,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40,613 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.5% ในขณะที่มีหนี้สินทั้งสิ้น 218,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.9% และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 146,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,312 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.4%
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากผลประกอบการที่ดีและฐานะการเงินที่เข้มแข็งของ ปตท. จะมีส่วนสนับสนุนให้ ปตท. มีความพร้อมในการลงทุนตามแผนงาน 5 ปีข้างหน้าเป็นเงินรวมประมาณ 150,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในการจัดหา วางระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติ และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานและวัตถุดิบสำหรับผลิตปิโตรเคมีที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มในอนาคต--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ