ฟิทช์คงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน ของบริษัท จีที สตาร์ส ทู จำกัด ที่ ‘A(tha)’

ข่าวทั่วไป Thursday September 9, 2004 15:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตระยะยาวในประเทศ (National Ratings) ของ หุ้นกู้มีประกันของบริษัท จีที สตาร์ส ทู จำกัด ที่ระดับ A(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ หุ้นกู้มีประกันนี้ ได้ถูกออกไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2545 โดยจัดอยู่ในลักษณะการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (securitisation) ของกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งโครงการนี้ดำเนินการโดย บริษัท Lehman Brothers การทยอยชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้ที่ผ่านมาเป็นไปตามระยะเวลาที่คาดไว้ซึ่งมากกว่าการประมาณการณ์ภายใต้สภาวะกดดัน (Stress Scenario) ของฟิชท์ ส่วนเงินสดสำรองที่ถูกกันไว้สำหรับดอกเบี้ยจ่ายใน 1 ปีข้างหน้า ได้มีการสำรองไว้ตามเงื่อนไขตลอดระยะเวลานับจากการมีการออกหุ้นกู้
ในช่วงระหว่างเดือน พฤษภาคม 2546 ถึง เมษายน 2547 การเรียกเก็บเงินจากกลุ่มลูกหนี้ภายใต้กองทุนรวมและบริษัทบริหารสินทรัพย์ของ Global Thai Property Fund และ Palarp Asset Management มียอดรวมทั้งสิ้นประมาณ 3 พันล้าน เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้การประกาศยกเลิกการลดค่าธรรมเนียมการโอนที่เป็นมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในปีที่แล้วนั้น มีส่วนช่วยเร่งให้มีการโอนและชำระเงินเร็วขึ้นโดยเฉพาะในเดือนธันวาคม 2546 หลังจากการกันสำรองและหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว เงินที่เรียกเก็บจากลุ่มลูกหนี้นี้ได้ถูกนำไปชำระคืนหุ้นกู้และเงินกู้จากนิติบุคคลเฉพาะกิจ เทนเร็ท จำกัด (ซึ่งมีสิทธิเรียกร้องเท่าเทียมกับหุ้นกู้) โดย ณ สิ้นเดือน เมษายน 2547 บริษัท จีที สตาร์ส ทู จำกัด ได้มีการชำระคืนหนี้แล้วทั้งสิ้น 3,590 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้หุ้นกู้ 2,338 ล้านบาทและหนี้เงินกู้จากเทนเร็ท 1,252 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 51%ของภาระหนี้สินทั้งหมด
อย่างไรก็ตามแม้ว่ายอดการชำระคืนที่ผ่านมาจะสูงกว่าการประมาณการณ์ของฟิชท์ แต่การเรียกเก็บเงินจากกลุ่มลูกหนี้ที่เหลือคาดว่าจะทำได้ยากขึ้น ดังนั้นฟิทช์เชื่อว่าการเรียกเก็บหนี้ในภาพรวมจะยังคงเป็นไปตามที่ฟิทช์ได้ประมาณการณืไว้ จึงประกาศคงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไว้ โดยมีแนวโน้มเสถียรภาพ ณ สิ้นเดือน เมษายน 2547 สิทธิเรียกร้องจากกลุ่มลูกหนี้มียอดคงเหลือทั้งหมด จำนวน 10,318 บัญชี โดยมียอดหนี้คงค้างทั้งหมด 12.8 พันล้านบาท (หรือคิดเป็น3.6เท่าของภาระหนี้คงเหลือ) และมีมูลค่าหลักประกันคงเหลือ 11.8 พันล้านบาท (หรือคิดเป็น3.3เท่าของภาระหนี้คงเหลือ)
ค่าใช้จ่ายของกองทุนโดยรวมเฉลี่ยลดลงเป็น 18.2%ของเงินที่เรียกเก็บได้ จากเดิม 25.6%ในปีที่แล้ว ซึ่งยังจัดอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการประมูลที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่าค่าบริการหลักได้มีการลดลงตั้งแต่เดือนกันยายนปี2546 จากการที่กลุ่มลูกหนี้ที่เหลือจะทยอยเข้ากระบวนการประมูลและเป็นกลุ่ม Real Estate Owned มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนถึง 60% ของหนี้ที่คาดว่าการเรียกเก็บได้ในอนาคต เทียบกับ18%ในอดีต อาจทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามูลค่าที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์กลุ่มนี้จะช่วยทดแทนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ ถึงแม้ว่าได้มีคดีความบางคดีที่ศาลชั้นต้นเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการขายสินทรัพย์ขององค์กรเพื่อการปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) ความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ของกลุ่มลูกหนี้นี้ที่ผ่านมาโดยรวมยังไม่ได้ถูกกระทบแต่อย่างใด
สามารถค้นการายงานได้จาก www.fitchratings.com ติดต่อ
ภิมลภา สิมะโรจน์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ
+662 655 4755 Ben McCarthy, Hong Kong +852 2263 9922
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า ‘AAA’ ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ