เจรจาการค้า“โอท็อป” 2 วันจับเข่าคุยแล้ว 25 คู่ คำสั่งซื้อทันทีกว่า 3 ล้านบาทเชื่อไทยเป็นศูนย์กลางการค้า

ข่าวทั่วไป Tuesday December 18, 2012 15:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เจรจาการค้า“โอท็อป” 2 วันจับเข่าคุยแล้ว 25 คู่ คำสั่งซื้อทันทีกว่า 3 ล้านบาทเชื่อไทยเป็นศูนย์กลางการค้า เล็งเห็นลู่ทางพัฒนา สร้างเครือข่ายอาเซียน สร้างรายได้ให้ชุมชนและSMEเข้มแข็ง พาณิชย์จับมือเซ็นทรัล ดึงสินค้าโอท็อประดับพรีเมียมขึ้นห้าง นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการเจรจาการค้า ภายใน “งาน 1 ทศวรรษ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”หรือ “โอท็อป ซิตี้ 2012” ว่า “Thaitrade.com เป็นตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ของกรมฯ ได้ใช้นวัตกรรมในการเจรจาแบบ Live Chat เปิดตลาดจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ระหว่างผู้ประกอบการโอท็อประดับ 5 ดาว กับผู้ส่งออกเอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิกของ Thaitrade.com เพียง 2 วันแรกได้รับผลตอบรับจากผู้ซื้อเป็นอย่างดี มีการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 25 คู่แรกจากทั้งหมด 50 คู่ มีคำสั่งซื้อสินค้าทันทีคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท “นวัตกรรมใหม่นี้สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการได้เจรจาการค้าเสมือนจริง สามารถโชว์ตัวอย่างสินค้ากันได้แบบเห็นภาพสดๆ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อสามารถตัดสินใจทำธุรกิจกันได้ มี สินค้าที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาได้แก่ ที่นอน เสื้อผ้าฝ้าย และกระเป๋าผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ทั้งนี้ คาดว่าหลังจบงานจะก่อเกิดมูลค่าการค้าอีกหลายล้านบาท”นางศรีรัตน์ กล่าว นอกจากนี้ภายในงานยังจัดพื้นที่เปิดเจรจาจับคู่ธุรกิจ(Business Matching ) โดยผลการเจรจาตกลงซื้อขายและจับคู่การค้าระหว่างผู้ประกอบการสินค้าโอท็อปไทย กับผู้นำเข้าจากต่างประเทศรวม 33 บริษัท “เวทีแห่งนี้จะก่อให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกไทย อาเซียนและประเทศท่มีการดำเนินนโยบายส่งเสริมสินค้าโอท็อป ซึ่งจะทำให้ประเทศเหล่านี้ตระหนักถึงความเป็นศูนย์กลางการตลาดสินค้าโอท็อป และศูนย์กลางการค้าของไทย เป็นเวทีความร่วมมือด้านการผลิต และจำหน่ายสินค้าโอท็อประหว่างไทยและประเทศอาเซียน ให้ทำความรู้จัก ร่วมมือทำธุรกิจ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 และผู้ประกอบการ โอท็อปไทยได้เรียนรู้สินค้าจากประเทศอาเซียน และนำมาปรับปรุง พัฒนา รวมทั้งหาวิธีการสร้างความร่วมมือกันในอนาคต”นางศรีรัตน์ กล่าว ทั้งนี้แม้ว่าการจัดงานจะมีไปจนถึงวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคมนี้ แต่ยังคงมีการเจรจาทางธุรกิจแบบคณะผู้แทนการค้าเดินทางมาไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ซื้อรวม111 ราย เดินทางมาจากจีน อินเดีย สิงคโปร์ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ และ 7 ประเทศในอาเซียน เป็นต้น ซึ่งกรมฯจะติดตามผลและขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนารูปแบบสินค้าเพิ่มเติม และการเข้าเยี่ยมชมโรงงานก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้กลุ่มสินค้าที่มีคำสั่งซื้อและขอรับสินค้าทันที คือ มะม่วงน้ำดอกไม้ขอให้ส่งสินค้าราว 10 ตันต่อสัปดาห์ สำหรับสินค้าที่ผู้นำเข้าสนใจ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ของขวัญของชำร่วย ของตกแต่งในเทศกาลคริสมาสต์ เครื่องเขียน เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องปรุงรส เครื่องประดับแฟชั่น ของทานเล่น ผลไม้สด เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าภายหลังการจัดงาน จะมีการส่งออกสินค้าโอท็อปที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าโอท็อปจากโซนอาเซียน อาทิ กัมพูชา มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย พม่า และต่างประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย กัวเตมาลา และกลุ่มประเทศแอฟริกา ยังไม่สามารถสรุปยอดขายได้ เนื่องจากต้องรอให้จบงานก่อน ส่วนภายในงานกระทรวงพาณิชย์ได้จัดหน่วยงานภายในเข้าร่วมคูหาเพื่อให้คำปรึกษาทางธุรกิจ มีผู้สนใจเข้าปรึกษาด้านวิธีการจดทะเบียนบริษัท การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา กระบวนการขอใบอนุญาตส่งออก และการให้คำปรึกษาทางการเงิน เป็นต้น นางศรีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 18 ธันวาคม 2555 - 8 มกราคม 2556 (3 สัปดาห์) กรมฯได้ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จัดงาน"TOP OF OTOP ONLY AT CENTRAL CHIDLOM" นำสินค้าโอท็อปจากทั่วประเทศที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาจำหน่ายให้กับลูกค้าของห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลม ซึ่งเป็นลูกค้าระดับบนและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้จับจ่ายใช้สอย เพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้สินค้าโอท็อปที่นำมาจัดแสดงและจำหน่ายจะเป็นสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์รวมกว่า 30 บูธ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้านของที่ระลึก ฯลฯ โดยมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์เป็นประธานเปิดงานวันนี้ เวลา 18.00 น. กิจกรรมดังกล่าว เป็นการส่งเสริมและยกระดับสินค้าโอท็อปแล้ว ยังสอดรับกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของทางรัฐบาลที่ต้องการฟื้นฟูส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท็อปให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในที่ต่างๆ อย่างห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายเข้มแข็งเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีโอกาสจำหน่ายสินค้าได้ตลอดปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ