เส้นประสาทที่ข้อมืออักเสบ Carpal Tunnel Syndrome ( Median Nerve Entrapment)

ข่าวทั่วไป Wednesday December 19, 2012 16:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--โรงพยาบาลรามคำแหง เส้นประสาทที่ข้อมืออักเสบ Carpal Tunnel Syndrome ( Median Nerve Entrapment) อาการชามือ เกิดจากสาเหตุใดบ้าง จะทราบได้อย่างไรว่า อาการมือชาเกิดจากเส้นประสาทอักเสบ 1.ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า คำว่า ชาคือ หนาๆ ไม่ค่อยรู้สึก รู้สึกเหมือนเป็นเหน็บ ไม่ใช่อาการอ่อนแรง ภาษาอังกฤษเรียก numbnessเพราะบางคนรู้สึกว่า ชาคืออ่อนแรง มือไม่มีแรง 2.สาเหตุของอาการชาอาจแบ่งง่ายๆ ที่พบบ่อยๆ เช่น สมอง มีเส้นเลือดสมองตีบแตก มีกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง มีแผงเส้นประสาทที่คออักเสบหรือ เส้นประสาทส่วนปลายอักเสบที่ข้อศอกหรือ ข้อมือ ซึ่งสามารถแยกได้ด้วยการซักประวัติตรวจร่างกายคะ เส้นประสาทอักเสบมีอันตรายหรือไม่ อย่างไร 1.ปวดชาเส้นประสาท ทรมาน จนไม่สามารถ นอน ทำงานได้ตามปกติ 2.หยิบของไม่ถนัด เนื่องจากชา ทำให้จับของเล็กไม่ถนัด เขียนหนังสือไม่ได้ 3.กล้ามเนื้อในมืออ่อนแรง ลีบ เส้นประสาทอักเสบ เป็นสัญญาณเตือนว่าจะเป็นโรคใดได้หรือไม่ 1. ส่วนใหญ่มักเป็นจากการใช้งานมือข้อมือเยอะ ๆ ซ้ำ ๆ เช่น อาชีพพิมพ์ดีด ต้องทำงานใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาชีพแม่บ้าน ขับมอร์เตอร์ไซค์ ขี่จักรยาน อาชีพครู ซึ่งใช้ข้อมือเยอะ หรือ ตำแหน่งกดทับที่ข้อศอก เช่น ชอบนั่งเท้าคาง นอนตะแคงทับแขนตัวเอง 2.ที่พบรองลงไปคือ เกิดจากเส้นเลือดเล็กๆ ที่เลี้ยงเส้นประสาทอักเสบ หรือ มีอาการบวม เช่น คนที่เป็นเบาหวาน คนท้อง โรคเอสเอลอี มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง 1.รักษาด้วยยา กายภาพบำบัด พักมือ ประคบอุ่นหรือแช่น้ำร้อน ใส่splint 2.รักษาด้วยการฉีดยาลดบวมที่ข้อมือ 3.รักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง และ เราควรดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อป้องกันห่างไกลจากโรคนี้ 1.สังเกตอาการถ้าเป็นระยะต้น เช่น ชาเป็นๆ หายๆ อันนี้รีบรักษามักหายดี บางรายหายสนิทได้ ให้หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการมือชา เช่น ท่าการใช้คอมพิวเตอร์ หิ้วกระเป๋าถือหนักๆ เป็นเวลานาน ถือของย้ายของที่หนักเกินข้อมือจะรับได้ 2.แต่ถ้ามีอาการชาถาวรตลอดเวลา การรักษาด้วยยาอาจไม่เพียงพอ มักต้องตรวจเส้นประสาท เพื่อดูว่าเส้นประสาทอักเสบระยะไหนแล้ว รุนแรงหรือไม่ จำเป็นต้องผ่าตัดหรือป่าว 3.ถ้ามีอาการอ่อนแรง ลีบ แล้วมักรักษาด้วยยาไม่ได้ การผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้ลีบหรืออ่อนแรงเพิ่มเติมไปกว่าเดิม สายด่วนสุขภาพ 0-2743-9999

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ