กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--โอเอซิส มีเดีย
นับเป็นความสำเร็จที่น่าสนใจของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่สามารถกลับมารุกตลาดรวมรับสร้างบ้านให้เติบโตขึ้นได้สมเป็นมืออาชีพ โดยวางยุทธศาสตร์ผนึกความร่วมมือและร่วมผลักดันธุรกิจรับสร้างบ้าน ให้เป็นที่รู้จักและสร้างการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ปล่อยให้ภาคอสังหาฯหรือบ้านจัดสรรทิ้งห่างไปไกล ด้วยตัวเลขการเติบโตของตลาดรับสร้างบ้านปี 2547 ที่คาดไว้ 6,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเติบโตเป็น 10,000 ล้านบาท ภายใน ปี 2550
ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่น
ธุรกิจรับสร้างบ้าน เริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้งในปี 2547 นี้ เมื่อปรากฏเห็นภาพความชัดเจนของธุรกิจในสายตาของผู้ประกอบการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งเมื่อช่วงวิกฤติเศรษฐกิจกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านตัวจริงเสียงจริงประมาณ 30 ราย ก็เคยแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพมาแล้วว่าสามารถยืนหยัด และฝ่าฟันมาได้จนเติบใหญ่ถึงวันนี้ อาทิ ซีคอน โรแยลเฮาส์ โฟร์พัฒนา เมคเคอร์ แอนด์ เดคเคอร์ ปทุมดีไซน์ ฯลฯ เป็นต้น โดยมีภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สถาบันการเงิน และสื่อโฆษณา ทั้งประเภทสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งได้รับประโยชน์ต่อเนื่องทางธุรกิจจากกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านกลุ่มนี้อย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมในความเป็นพันธมิตรและขยายธุรกิจให้เติบโตมาพร้อม ๆ กัน
ประกอบกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตลาดรับสร้างบ้านนั้น ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการมาเป็นอันดับแรก ซึ่งตรงกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทรับสร้างบ้านอยู่แล้ว ทำให้กลุ่มแฟนพันธ์แท้ของบริษัทรับสร้างบ้านขยายตัวเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทั้งการบอกต่อและการรับรู้ข่าวสารจากสื่อต่างๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นยิ่งขึ้น
ไตรมาส 3 ยอดรับสร้างบ้านยอดฉลุย
การเลือกสื่อสารกับผู้บริโภค โดยการจัดงานแสดง รับสร้างบ้าน 2004 แฟร์ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความสำเร็จของการเริ่มต้นที่ดีเกินคาด พร้อม ๆ กับเป็นการเปิดแนวรุกการประชาสัมพันธ์ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง และการสร้างยอดขายหรือกระตุ้นกำลังซื้อให้เกิดขึ้นในงานแสดงสินค้า เช่นเดียวกับลักษณะการจัดงานมอเตอร์โชว์ หรืองานมหกรรมบ้านของ 3 สมาคม ฯลฯ ซึ่งแต่เดิมผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ไม่มีเวทีแสดงเป็นของกลุ่มตัวเอง ทำให้ศักยภาพในการสร้างการรับรู้หรือการสื่อสารของผู้บริโภคทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
โดยภายหลังจากจบงานแสดงรับสร้างบ้าน 2004 ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกบูธในงาน ประเมินผลตัวเลขยอดขายเฉพาะไตรมาสที่ 3 มียอดขายเฉลี่ยสูงถึง 40 — 50 % ของยอดขายตลอดทั้งปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
และส่งผลให้ยอดขายของทุกบริษัทเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้ โดยวิเคราะห์ว่าภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพและความน่าเชื่อถือของกลุ่มผู้ประกอบการมีผลต่อยอดขาย รวมทั้งเกิดจากการร่วมกันจัดรายการโปรโมชั่นของบริษัทรับสร้างบ้าน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงไตรมาส 3 ต่อไตรมาส 4 ซึ่งถือว่าตรงกับช่วงเวลาที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงนี้อยู่แล้ว โดยปีนี้กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านตั้งเป้าหวังแชร์ตลาด 6,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 30 % และตั้งเป้าแชร์ตลาดเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งนับเป็นการตั้งเป้าเติบโตที่สวนทางกับภาพรวมของภาคอสังหาฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นว่าอยู่ในช่วงกำลังชะลอตัว โดยเมื่อดูจากตารางแสดงตัวเลขเป้ายอดขายและยอดขายจริงสิ้นสุด ณ ไตรมาส 3 ปี 2547 พบว่าเฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านในสมาคมฯจำนวน 20 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 75 % ของมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้าน
ทิศทางการพัฒนาตลาดรับสร้างบ้าน
ในปัจจุบันผู้ประกอบการรับสร้างบ้านควรจะต้องเรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ เน้นการมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเรื่องการสร้างบ้านให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ชัดเจนว่าจะเลือกสร้างบ้านเอง แทนการซื้อบ้านพร้อมที่ดินจากโครงการจัดสรร ดังนั้นหัวใจสำคัญอยู่ที่ คุณภาพสินค้า ความคุ้มค่า และคุณค่าที่ผู้บริโภคได้รับ เมื่อเทียบกับเงินที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายไป การได้มีส่วนร่วมตัดสินใจเลือกในสิ่งที่พอใจสูงสุด และประการสุดท้ายคือ ความเชื่อมั่นต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน
นายสิทธิพร สุวรรณสุต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า การจะขยายตลาดรับสร้างบ้านนั้น สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการจะต้องมีการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ให้ตรงกับความความต้องการของผู้บริโภคด้วย ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ามีผู้ประกอบการที่โฆษณาว่าคือ บริษัทรับสร้างบ้าน จำนวนกว่า 60 % ที่ยังขาดความพร้อมที่จะเป็นมืออาชีพรับสร้างบ้านอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการไม่ให้ความสำคัญในเรื่องทีมงานวิชาชีพหรือสถาปนิกและวิศวกร ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบการบางรายมีเพียงพนักงานอยู่แค่ 4-5 คนเท่านั้น แต่กลับรับงานสร้างบ้านมาจำนวนมาก ๆ จนไม่สามารถบริหารจัดการได้ตามมาตรฐานการก่อสร้างที่ดีมีคุณภาพ
ปัญหาสำคัญคือ บริษัทรับสร้างบ้าน นั้นใครๆก็สามารถที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมาใหม่ได้ แต่เมื่อบริหารงานผิดพลาดไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และสร้างความเสียหายเกิดขึ้นกับผู้บริโภคก็จะปิดบริษัทหลบหนีไป จนเมื่อเรื่องราวเริ่มเงียบก็จะตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ วนเวียนกลับเข้ามาอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้าน สร้างความเสียหายต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการจัดตั้งสมาคมฯขึ้นมาแล้ว จึงควรช่วยกันส่งเสริมผู้ประกอบการที่ขาดความพร้อม แต่มีความตั้งใจจริงที่จะทำธุรกิจและมีความซื่อสัตย์สุจริต ให้สามารถยืนอยู่ในธุรกิจได้ร่วมกัน ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ซื่อสัตย์และหลอกลวงผู้บริโภคก็ควรช่วยกันตรวจสอบและแจ้งให้ผู้บริโภคทราบ
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ชัชวาล ตรีเนตร / ศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม
บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4735
อีเมล : [email protected];[email protected]จบ--